พุทธคุณพระผงบรมมหาจักรพรรดิของ พระเดชพระคุณหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญและหลวงตาม้า

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 6 มกราคม 2007.

  1. เตวิชโช

    เตวิชโช Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2007
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +34
    อยากได้พระผงหมาจักพรรดิ์มาบูช้าซักองเหมือนกันคุณนิกพอจะเหลือแจกให้ไหมคับ
     
  2. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,915
    http://g1.buildboard.com/viewtopic.php/331/8203/10480/0/

    ลองเข้าไปดูรายละเอียดดูครับ
     
  3. piramid111

    piramid111 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    462
    ค่าพลัง:
    +1,204
    โทรไปเมืองไทยแล้วญาติไม่ว่างไปส่งให้ค่ะ ทำยังไงดีค่ะ เอาัยังงี้ได้ไหมค่ะเก็บไว้ให้ก่อนได้ไหมค่ะ จะกลับเมืองไทยเดือนเมษานะค่ะได้หรือเปล่าค่ะ ถ้าได้ก็ขอขอบคุณล่วงหน้ามากๆค่ะ แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรนะค่ะเกรงใจเมือนกันค่ะ
     
  4. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ยังมีเหลือมั๊ยคะ อยากได้มาบูชาเหมือนกันค่ะ
     
  5. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    Update ฝากไว้ก่อนไปช่วงหนึง

    [​IMG]


    บทสวดจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา
    ณ โอกาสนี้ขอนำบทสวดของหลวงปู่ดู่ ที่หลวงตาม้า

    ท่านนำลูกศิษย์ทั้งหลายมาสวดร่วมกันตอน20.30น
    ของทุกวันไม่มีวันหยุดเป็นเวลาหลายปีแล้ว
    และสามารถนำบทสวดนี้มาใช้เพื่อการภาวนาได้ด้วยเมื่อท่านว่าง


    นอกจากนั้นยังมีพุทธคุณเข้มสำหรับการเจริญภาวนาโดยการเอา
    มาสวดก่อนนั่งสมาธิแล้วกำหนดจิตไปกับบทสวดและจับภาพองค์พระไปด้วย
    จะทำให้ภาวนาได้ง่ายขึ้นเพราะมีพลังงานจากองค์พระมาเสริมที่ดวงจิตด้วย
    จากนั้นจึงไปทำสมาธิในแบบที่ท่านถนัดโดยเป็นวิธีการที่นิยมกันในหมู่ลูกศิษย์
    ของหลวงปู่ดู่เรื่อยมาจนถึงหลวงตาม้าในปัจจุบัน


    บทบูชาพระ<!-- BBCode End -->

    พุทธัง ชีวิตตัง เม ปูเชมิ
    ธัมมัง ชีวิตตัง เม ปูเชมิ
    สังฆัง ชีวิตตัง เม ปูเชมิ
    กราบพระ 6 ครั้ง
    พุทธัง วันทามิ (กราบ) ธัมมัง วันทามิ (กราบ) สังฆัง วันทามิ (กราบ)
    อุปัชฌาช์อาจาริยคุณัง วันทามิ (กราบ) มาตาปิตุคุณัง วันทามิ (กราบ) พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ (กราบ)


    <!-- BBCode Start -->บทสมาทานศีล 5<!-- BBCode End -->

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง)
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    ตติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ปาณาติปาตา เวรมณี สิกขาปะทังสมาธิยามิ
    อทินนาทานา เวรมณี สิกขาปะทังสมาธิยามิ
    อพรัมจริยา เวรมณี สิกขาปะทังสมาธิยามิ
    มุสาวาทา เวรมณี สิกขาปะทังสมาธิยามิ
    สุราเมรยะ มัชชปมาทัฎฐานา เวรมณี สิกขาปะทังสมาธิยามิ

    อิมานิ ปัญจสิกขา ปทานิ สมาธิยามิ ( 3 ครั้ง)
    สีเลนะ สุคติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปทา
    สีเลนะ นิพพุตติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโย ธะเย


    <!-- BBCode Start -->บทอาราธนาพระ<!-- BBCode End -->

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง)
    พุทธัง อาราธนานัง กะโรมิ
    ธัมมัง อาราธนานัง กะโรมิ
    สังฆัง อาราธนานัง กะโรมิ


    <!-- BBCode Start -->คาถาปู่ทวด<!-- BBCode End -->
    น้อมระลึกถึงปู่ทวดแล้วว่าคาถาดังนี้
    นะโม โพธิสัตตโต อาคันติมายะ อิติ ภะคะวา (3 ครั้ง)

    <!-- BBCode Start -->คาถาหลวงปู่ดู่ <!-- BBCode End -->
    น้อมระลึกถึงปู่ดู่แล้วว่าคาถาดังนี้
    นะโม โพธิสัตตโต พรหม ปัญโญ (3 ครั้ง)


    <!-- BBCode Start -->บทขอขมาพระรัตนตรัย<!-- BBCode End -->

    โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
    โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต มะยา
    ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

    ตั้งสัจจะอฐิษฐาน
    ลูกขอตั้งสัจจะอธิษฐานขอกราบขออาราธนาเมตตาบารมีรวมหลวงปู่ทวด
    หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด ขอหลวงปู่ได้โปรดมีเมตตาอารธนาบารมีรวม
    ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบันบรมมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์
    บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย
    โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด
    บารมีรวมหลวงตาม้าเป็นต้น



    ขอบารมีหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำภพภูมิต่างๆทั้งหลายในทั่วทั้ง 3 แดนโลกธาตุ
    อันประกอบไปด้วยเทพ 6 ชั้นพรหม 20 ชั้น เทพพรหมทุกชั้นฟ้ามหาสมุทรโดย
    ทั่วทั้งแสนหมื่นโกฎิจักรวาล เทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
    เทพพรหมเทวาที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต
    ท่านท้าวจตุมหาราชทั้ง4 พระยายมราชพร้อมบริวารโดยทั้งหมด พระศรีสยาเทวาธิราชโดยทุกๆพระองค์
    วีรบุรษและวีรสตรีทั้งหลายที่คอยปกป้องรักษาแผ่นดินสยาม โอปาติกะทั้งหลาย
    ฤาษีและดาบสทั้งหลายศาลเจ้าพ่อหลักเมืองโดยทุกๆจังหวัด พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง
    พระราหูวราหก เจ้ากรุงพาลี แม่พระธรณี แม่พระคงคา พระเพลิง พระพาย พญาครุฑพร้อมบริวาร
    พญานาคพร้อมบริวาร คนธรรณ์ ชาวเมืองลับแล และสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
    ที่ข้าพเจ้าได้เคยไปอธิษฐานไว้ ขอหลวงปู่ได้โปรดเมตตาน้อมนำท่านทั้งหลายมาร่วมสวดบทพระมหาจักรพรรดิ์





    <!-- BBCode Start -->บทสวดมหาจักรพรรดิ<!-- BBCode End -->

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 ครั้ง)

    สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17
    พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
    อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
    อะหังวันทามิ สัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ


    <!-- BBCode Start -->เชิญพระเข้าตัว (แผ่เมตตา)หรือแผ่บุญรับภูมิ <!-- BBCode End -->

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
    ( 3 หรือ 5 จบ)
    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ ​
    <!-- / message --><!-- sig -->----------------------------------------------------

    [​IMG][​IMG]
    หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด / หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    (รูปสำหรับฝึกกรรมฐาน)
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ(ขวา)
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา พระอาจารย์ของหลวงตาม้า
    (คาถาบูชา นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ)



    [​IMG]
    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า) พระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติดีปฎิบัติชอบรูปหนึงในปัจจุบัน
    ตามแนวทางและปฎิปทาของพระอาจารย์เอกของท่านซึ่งก็คือหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา
    (ในภาพเป็นบริเวณถ้ำใหญ่ที่วัดซึ่งวัดของหลวงตาม้าจะกินอาณาเขตเขาลูกหนึงเลยทีเดียว
    เป็นสัปปายะที่เงียบสงบและมีถ้ำเยอะมากวัดตั้งอยู่ใกล้ๆกับชายแดนพม่าในเขตอำเภอเชียงดาว)
    [​IMG]



    เกี่ยวกับตัวท่านหลวงตาม้าคร่าวๆ
    (เท่าที่ท่านพอจะเล่าให้ฟังบ้างและได้ยินมาจากลูกศิษย์)
    ดูกระทู้ที่เกี่ยวเนื่องกับท่านหลวงตา(งานหล่อพระ) http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=62277



    [​IMG]
    หลวงตาม้า



    หลวงตาม้าท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่และท่านได้อยู่ฝึกกรรมฐาน
    กับหลวงปู่ดู่ในเพศฆราวาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปี
    แต่ก่อนที่หลวงปู่ดู่ท่านจะมรณภาพไปไม่นานนั้นหลวงปู่ท่าน
    ก็ได้สั่งให้หลวงตาม้าท่านบวชและขึ้นไปอยู่ที่ภาคเหนือโดยท่านได้บอกกับ
    หลวงตาม้าในครั้งนั้นด้วยว่า



    "จำไว้ไม่ว่าแกไปไหนเหรออยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ด้วย
    เองเอาพระองค์นี้ไป(พระรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ดู่)หากเองสงสัย
    อะไรในการปฎิบัติให้แกถามเอากับพระองค์นี้"



    พร้อมกันนั้นหลวงปู่ดู่ท่านได้เมตตาสั่งสอนแนะแนวข้อปฎิบัติ
    ก่อนที่หลวงตาม้าท่านจะออกธุดงค์ขึ้นเชียงใหม่



    [​IMG][​IMG]
    ท่านหลวงตาท่านได้ธุดงค์รอนแรมอยู่เป็นเวลานานตามภาคเหนือของประเทศไทย
    ตั้งแต่เมื่อประมาณเกือบ 20 กว่าปีก่อนท่านได้ธุดงค์ไปนมัสการพระพุทธบาท 4 รอย
    ตั้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนขึ้นไปและร้างอยู่ท่านได้ธุดงค์แวะภาวนาตามถ้ำต่างๆในส่วน
    เรื่องราวการธุดงค์ของท่านหลวงตาม้านี้สนุกและพิศดารมากหากนำมาเล่านี้ทั้ง
    สนุกและตื่นเต้นแต่ก็หาอ่านไม่ได้เพราะว่าหากอยากทราบต้องไปถามกับท่าน
    เอาเองตัวผู้พิมพ์เองก็รู้คร่าวๆเท่านั้นเท่าที่ท่านเล่าให้ฟังเป็นบางส่วน
    (จริงๆเคยได้ยินมาคร่าวๆเรื่องหนึงแต่ไม่รู้แน่ชัดเรื่องที่ท่านประลอง
    อภิญญากับฤาษีที่อภิญญาแก่กล้าตนหนึงที่ไปหาท่านที่ถ้ำโดยใช้
    วิธีการต่างๆซึ่งสนุกทีเดียวแต่ทั้งนี้ผู้ทรงธรรมทั้งสองได้กระทำการ
    ดังกล่าวก็เพียงเพื่อดูภูมิธรรมกันเท่านั้น)



    [​IMG]
    ในที่นี้จะเล่าลัดแค่ในส่วนการมาพบ
    เจอถ้ำเมืองนะของท่านหลวงตา





    ท่านได้ธุดงค์ไปเรื่อยจนมีอยู่วันวันหนึ่งท่านได้ตามญาณหลวงปู่ดู่ไปจนเจอเข้า
    กับถ้ำแห่งหนึงซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าถ้ำเมืองนะ(ถ้ำที่ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่เคลื่อนทัพครั้งท้ายๆ
    และที่สวรรณคตของพระนเรศวร) ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่




    [​IMG]
    ท่านได้อยู่ภาวนาอย่างเงียบๆในถ้ำนั้นเป็นเวลานับ 10 ปีโดยมีชาวบ้านในละแวกนั้น
    ซึ่งเป็นชาวไทยและชาวไทยใหญ่คอยอุปัฐฐากท่านตลอดมาจนถึงวันหนึ่งท่านก็ได้เริ่ม
    ออกสังคมและเริ่มสร้างวัดขึ้นที่นั้นและสั่งสอนลูกศิษย์เรื่อยมาจนถึงบัดนี้(ปัจจุบันท่านหลวงตา 62 ปี)
    โดยแนวคำสอนท่านจะเน้นในด้านบุญญฤทธิ์และการสัมพัสภพภูมิต่างๆโดยการฝึกกรรมฐานตามแนวทางหลวงปู่ดู่
    ในบางโอกาสท่านยังเดินทางไปเยี่ยมคณะลูกศิษย์และสอนกรรมฐานในกรุงเทพเป็น
    ครั้งคราวและบางครั้งก็จะไปเป็นเจ้าภาพในการหล่อพระท่านยังได้สร้างพระวัตถุมงคล
    ออกมาหลากหลายรุ่นตามสูตรหลวงปู่ดู่ และจากมวลสารที่ท่านได้รับมาจากหลวงปู่ดู่
    ท่านโดยตรงโดยพระที่ท่านสร้างมานั้นเป็นที่รู้จักกันดีในทางเหนือ
    และท่านยังชอบแจกพระผงห้อยคอให้แก่คนที่ท่านพบเจอด้วย ฟรีๆด้วยโดยท่านหวังเพียงให้ผู้นั้นได้
    นำพุทธคุณในองค์พระไปเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้นั้นและภพภูมิที่เกี่ยวข้องกับเขา



    พุทธคุณขององค์พระท่านบอกว่าเป็นกำลังของพระรัตนตรัยรวมกับ
    พระจักพรรดิและพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปฎิปทา
    ของท่านหลวงตาเป็นการบำเพ็ญแนวโพธิสัตว์และลูกศิษย์หลายๆคนได้ประจักษ์
    ถึงบารมีท่านในด้านพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้นและหากมีผู้ใดสงสัย
    ในเรื่อง3โลกธาตุหากไปถามท่านท่านจะสอนให้ได้อย่างละเอียด
    และวิธีปฎิบัติเพื่อสัมพัสนับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีญาณบารมีแก่กล้า
    มากรูปหนึ่งในปัจจุบันที่สั่งสอนคนให้เดินบนเส้นทางสายไปนิพพาน
    [​IMG]
    เกร็ดย่อยอื่นๆ
    หลวงตาม้าท่านเมตตามากการปฎิบัติของท่านในตอนแรกเป็นไปเพื่อหลุดพ้น
    ในชาตินี้แต่หลังจากที่ท่านภาวนาไปท่านได้รับกระแสพุทธภูมิเก่าของท่านเข้า
    ที่จิตจนทำให้ท่านเกิดความเมตตาสงสารและอฐิษฐานจิตต่อเพื่อฉุดช่วยให้สัตว์ทั้งหลายทั่วทั้ง 3 โลกธาตุ
    มีที่พึ่งมีร่มโพธิ์ร่มไทรนับว่าเป็นเมตตาอันนับประมาณมิได้ของท่าน



    เคยมีลูกศิษย์คนหนึงของหลวงตาไปหาฤาษีชื่อดังตนหนึงในจ.สมุทรสงคราม
    (ท่านหลวงตาอ๋อยหรืออีกชื่อท่านฤาษีย่ามแดง)ที่เชี่ยวชาญทางอภิญญาและการรักษาโรคและ
    ได้สนทนากันมีประโยคหนึงที่เขาเล่ามาว่าฤษีตนนั้นได้กล่าวว่า "บารมีอาจารย์
    แกยิ่งใหญ่จริงๆข้ายอมรับ ไมเชื่อข้าแกขึ้นไปถาม
    บนสววรค์สิว่าใครไม่รู้จักหลวงตาม้าบ้างในปัจจุบัน....บอกให้มาหาข้าเลย"



    รายละเอียดวัดพุทธพรหมปัญโญ
    วัดพุทธพรหมปัญโญ ตั้งอยู่ที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงไหม่
    โดยมีพระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร(หลวงตาม้า) เป็นเจ้าอาวาสปัจจุบัน
    วัดพุทธพรหมปัญโญ เป็นสถานปฎิบัติธรรมแห่งหนึ่งโดยยึดแนวคำสอน
    ของหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ เป็นหลัก ลักษณะของวัดนับว่าเป็นสัปปายะ
    ที่สงบ มีถ้ำอยู่หลายแห่งในวัดโดยมีถ้ำหลักที่ภายในป็นลักษณะถ้ำใหญ่ๆ
    (ตามตำนานกล่าว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมาเสด็จสววรณคตที่นี้)
    นอกนั้นที่วัดแห่งนี้มีพระจำพรรษาอยู่ 5-6 รูป โดยมีพระแก้วแดง
    เป็นพระประธานประจำวัดและมีพระพุทธเจ้าปางจักพรรดิ์เป็นพระประธานองค์ใหญ่
    รายละเอียดอื่นๆจะโพสทยอยตามมาครับ
    .....แต่ขอบอกว่าพลังงานที่ถ้ำดีมากๆพุทธคุณแรงมากๆและที่ถ้ำมีภพภูมิต่างๆเยอะมากๆ



    หากท่านใดผ่านไปแถบเชียงดาวหากมีเวลาก็ลองแวะไปที่วัดไปกราบนมัสการท่าน
    ได้ที่วัดพุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่แถมที่วัดยัง
    เป็นสัปปายะที่ดีและมีถ้ำเยอะมากๆและอีกอย่างท่านทำพระไว้หลายรุ่น
    ทั้งที่เป็นพระพุทธรูปด้วยหากสนใจก็เข้าไปชมได้(ท่านชอบที่จะเน้นใ
    นการสร้างพระออกมาในแนวจักพรรดิโดยท่านเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ในยุคนี้
    ที่บุกเบิกเรื่องกำลังพระจักพรรดิในการทำออกมารวมอยู่กับองค์พระแบบต่างๆ)



    สอบถามการเดินทางไปที่วัด สนทนาธรรม หรือ ติดต่อ
    สอบถามโทรสอบถามได้ที่ ท่านแม่ชีประภัสสรวัดพุทธพรหมปัญโญ
    เบอร์

    085-7203608



    หรือสอบถามเส้นทางไปวัดได้อีกทางคือโทรสอบถามลูกศิษย์ท่าน
    หลวงตาใน กทม. คุณศิวกร
    ที่เบอร์ 081-8178827
    (อันนี้แนะนำให้โทรไปสอบถามหากต้องการทราบว่า
    ท่านหลวงตาจะลงมากรุงเทพหรือ จ.ใกล้เคียงอีกเมื่อไร)



    [​IMG]
    หากใครต้องการทำบุญไปที่วัดของ
    พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร(หลวงตาม้า)โดยตรง
    สามารถโอนเงินเข้าบัญชีของทางวัด
    พุทธพรหมปัญโญ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาวจ.เชียงใหม่
    ได้เลยนะครับที่



    ชื่อบัญชี พระวรงคต วิริยธโร
    หมายเลขบัญชี 383-223-9258
    ธนาคาร กสิกรไทยสาขามูลเมือง จ.เชียงใหม่




    [​IMG][​IMG]



    ----------------------------------------------------

    ฝอยหรือวิธีการใช้องค์พระผงจักรพรรดิ





    [​IMG]

    [​IMG]


    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ความรู้เกี่ยวกับพระผงจักรพรรดิ

    พระผงจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า
    มีพุทธคุณอย่างไร?


    พระผงจักรพรรดิประโยชน์มากโดยเป็นพระที่ใช้ใน
    การทำกรรมฐานและบูชาติดตัวเพื่อคุ้มครอง
    เป็นศิริมงคลแก่ตนเองและเป็นพลังงานบุญ
    แก่ภพภูมิโดยรอบ


    หลวงปู่ดู่กล่าวไว้ว่าพระรุ่นนี้ที่มีผงจักรพรรดิ
    ของท่านป้องกันนิวเคลียร์ได้
    (ถ้าขนาดนี้แล้วของเล็กกว่านิวเคลียเรื่องเล็กๆ)


    พระรุ่นนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากในการเจริญกรรมฐาน
    หลวงปู่ดู่สมัยที่ท่านยังทรงธาตุขันธ์
    อยู่ท่านสร้างพระผงออกมาเพื่อให้
    ลูกศิษย์ได้ใช้ในการเจริญพระกรรมฐานให้
    ก้าวหน้าได้โดยไวโดยเป็นการใช้พลังจากองค์พระ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ____________________________________________

    คาถาที่ใช้คู่ กับพระกำลังพระจักรพรรดิทุกรุ่น
    (รวมทั้งพระทุกองค์ที่สร้างด้วยสูตรและวิชาหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ)

    พระคาถามหาจักรพรรดิ

    นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
    มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
    พุทโธธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
    พุทธะบูชา ธัมมะบูชาสังฆะบูชา
    อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลีจะมหาเถรัง
    อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิธาตุโย
    อะหังวันทามิ สัพพะโส
    พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

    คาถาอาราธนาพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
    (สวด 3 จบ หรือ 5 จบได้)

    คำกำหนดอธิษฐานจิต

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ________________________________________

    ฝึกจิต เร่งสมาธิ เร่งนิมิต

    เริ่ม
    ๑. ตั้งจิตอันสบาย ในที่อันสบาย แต่จิตอันสบายนั้นสำคัญที่สุด
    ๒. กำพระและกำหนดนึกรู้เห็นพระที่เราชอบเบาๆ ตามจริตชอบ
    ๓. วางลมหายใจสบาย ๆ ในกายที่เบาสบาย
    ๔. ภาวนาคาถาอย่างสบาย ๆ คลอไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องคิดอะไร ทำไปสบาย ๆเท่านั้น
    ๕. ไม่ช้าไม่นานนิมิตสบาย ๆจะเกิดแก่ท่านเอง สาธุ.....

    ใช้งาน

    ๑. ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ยามหลับ ยามตื่น ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว ให้ภาวนาและตั้งองค์พระตลอด เผลอก็ช่างมัน เป็นเรื่องปกติ ตั้งต้นใหม่ ทุกครั้งเมื่อมีสติ อย่าบังคับ อย่าเกร็ง ให้ทำ สบาย ๆ .......

    ๒. ยามจะหลับให้ภาวนาจนหลับ ยามตื่นให้รีบภาวนาจนมีสติดีแล้ว นึกถึงพระที่เราชอบ พร้อมทั้งอธิษฐานว่า

    ข้าพเจ้า ......(นามของท่าน)...ผู้เป็นข้ารับใช้แห่งพระพุทธองค์ ขอนอบน้อมและน้อมนำบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ และพระมหาจักรพรรดิ ตั่งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของพระศรีอาริยะเมตตรัยเป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะ พระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 ขอพระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    .......ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกๆประการ เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด (ให้กำหนดอฐิษฐานให้ได้ทุกวัน จะกันเฝือได้ดีมาก)

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๓. ต่อไปก็อาศัยภาวนาเบา ๆ สบาย ๆ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ยามหลับ ยามตื่น ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว เฉกเช่นเดิมตลอดทั้งวัน เมื่อจะใช้งานหรือจะดูอะไรก็ ภาวนา คาถาอาราธนาพระเข้าตัว จากนั้นก็นึกถึงหลวงปู่ดู่ ขอบารมีท่านดูเอา

    ๔. เมื่อชินดี ได้นานพอ คล่องพอแล้ว คำอธิษฐาน " ....สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิตที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกๆประการ เหตุที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นโดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด..... " จะให้ผล ถือว่าได้วิชาแล้ว ต่อไปการใช้วิชาอื่น ๆ ก็จะตรวจสอบได้เอง ไม่ต้องงม ๆมืด ๆอีก ความคล่องตัวก็จะมีมากขึ้น เรื่องราวทางโลกทิพย์ก็จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ

    ๕. ข้อเตือนใจ
    เมื่อห่างครูบาอาจารย์ท่านจะเฝือ
    เมื่อเกิดอหังกา ท่านจะรู้เห็นผิด
    ขอจงอยู่อย่างพอเพียง อยู่อย่างนอบน้อม แม้มิร่ำรวยเงินทอง มิร่ำรวยชื่อเสียง เราก็มีความสุขได้ เราก็เป็นคนดีได้ เราก็สร้างประโยชน์ได้ ขอโมทนา ....สาธุ......

    _______________________________________

    สร้างประโยชน์

    วิชานี้อาศัยบารมีพระท่าน เมื่อยืมบารมีท่าน ก็จงโปรดใช้คืนบ้าง พระท่านไม่ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าให้ท่านเป็นคนดี รู้จักคิดถึงตัวเองและคนอื่นบ้าง สร้างประโยชน์ให้สาธารณะชนบ้าง ซึ่ง การสร้างประโยชน์นั้นคือวิชาลำดับขั้นต่อไปนั่นเอง โปรดติดตาม ขอโมทนา......

    ใช้อธิษฐานทำน้ำมนต์รักษาโรค

    หลักการ

    พระสูตรหลวงปู่ดู่ จะมีการแช่น้ำมนต์จักรพรรดิ ก่อน 3-15 วัน น้ำมนต์จักรพรรดินี้รักษาโรคและปรับธาตุ 4 ในร่างกายได้ดีมาก (ประสบการณ์ตรง) หากต้องการโปรดไปขอได้ที่วัดของหลวงตาม้าครับ เรื่องหวัดนกที่เรากลัวกัน แม้กระทั่งเอดส์ นอกจากจะใช้วิชาของหลวงพ่อฤาษีในการป้องกัน รักษาแล้ว ก็สามารถใช้น้ำมนต์จักรพรรดิป้องกันและรักษาได้เช่นเดียวกัน (หลวงปู่ดู่ท่านทราบล่วงหน้า เรื่องโรคระบาดต่าง ๆ และได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าเช่นกัน) พระนี้ (โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้เลี่ยมกรอบ) จึงใช้แช่น้ำมนต์รักษาโรคได้ทุกประการ ยิ่งได้ถ้าได้ใช้ร่วมกับเหรียญทำน้ำมนต์ สูตรหลวงปู่ดู่ ซึ่งตอนนี้มีผู้ยังทรงธาตุขันต์ 1 องค์กับอีก 1 ท่าน คือหลวงตาม้า กับลูกศิย์หลวงตาท่านหนึ่งเท่านั้นที่สืบทอดวิชามา เท่านั้นที่ทำได้ + กับวิชาการรักษาโรคของหลวงปู่แล้ว จะหายได้ดีขึ้น แต่ถ้าไม่หนักหนานัก ลองเพียงแค่สูตรที่ผมกำลังแนะนำนี้สิครับ .....
    วิธีการ

    ๑. ให้นำพระเลี่ยมก็ได้ไม่เลี่ยมก็ได้ไม่ต่างกัน มากำสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ 7 จบ แล้ว อธิษฐานว่า

    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด (อันนี้จำเป็นต้องขอบารมีท่านโดยตรง)ขอได้โปรด ให้น้ำใด ๆก็ตามไม่ว่าเล็กว่าน้อย หรือมากมายดังมหาสมุทร ที่ถูกแช่ในพระผงกำลังพระจักรพรรดินี้ จงมีพุทธานุภาพ ธรรมมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ เฉกเช่นเดียวกับหัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดิทุกประการ เพื่อใช้ในการมงคลทั้งปวง เพื่อใช้ในการปรับธาตุทั้ง 4 และรักษาโรคภัยทุกประเภท ขอบารมีอันหาที่สุดมิได้ของหลวงปู่ จงโปรดให้เป็นไปตามคำอธิษฐานแห่งข้าพเจ้านี้ด้วยเถิดจึงค่อย ๆ จุ่มพระลงในภาชนะใส่น้ำ (พระสูตรท่านชอบน้ำครับ สำหรับองค์ที่ยังไม่เลี่ยมแช่ได้เลยไม่ต้องห่วงยิ่งแช่น้ำยิ่งแกร่ง ไม่ต้องเกรงว่าพระจะร่วนแตกหักหรือ)

    ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำทั้งภาชนะ และจะรู้สึกว่าน้ำนั้นจะมีกระแสเย็นชุ่มชื่น ดื่ม กินแล้วก็รู้สึกสดชื่น)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    การนำไปใช้จริง

    ๑. บ้านใดที่มีถังน้ำใหญ่ หรือโอ่งมังกร แนะนำให้แช่พระไว้ตลอดอย่างนั้น จะได้ไม่ต้องอธิษฐานหลายครั้งครับ ให้กินอาบ ใช้ จนเลือดจนเนื้อ เป็นกำลังพระจักรพรรดิเลยครับ ทำได้อย่างนี้ ผิวพรรณจะเยาว์ลง และยังมีผลเรื่องป้องกันรังสีด้วย

    ๒. จะใช้กิน อาบ ล้างอะไรก็แล้วแต่ ได้ทั้งนั้น มีคนเคยถามหลวงปู่ว่าไม่เป็นอะไรหรือ หลวงปู่ก็ว่า " น้ำมนต์ข้าเป็นของดี จะเอาไปทำอะไรก็ดีหมด "

    ๓. หัวเชื้อน้ำมนต์จักรพรรดินี้ต่อได้เหมือนน้ำมันชาตรีของหลวงพ่อปาน หรือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงตาม้าท่านบอกว่า " แม้เพียงหยดเดียวของน้ำมนต์จัรพรรดิ เมื่อหยดลงในตุ่ม น้ำทั้งตุ่มนั้นก็จะกลายเป็นน้ำมนต์จักรพรรดิหมด " เราก็แช่พระไว้ในภาชนะใดก็ได้ตลอดเวลา แล้วคอยเติมอยู่เสมอไม่ให้แห้ง แล้วก็เอาน้ำมนต์หัวเชื้อนี้คอยเติมภาชนะต่าง ๆ เอา จะเอาไปแจกจ่ายก็ได้ครับ

    ๔.ไม่ต้องกลัวพระธรรมธาตุหลุดครับ พระธรรมธาตุท่านเกาะที่ผิวพระอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าเอาอะไรไปขัดไปถูเป็นใช้ได้

    _____________________________________________

    อธิษฐานส่งวิญญาณ ปรับภพภูมิ แผ่บุญ หรือป้องกันวิญญาณ

    หลักการ

    การปรับภพปรับภูมิ

    พลังของพระผงจักรพรรดิเป็นของสูงอานิสงค์ครอบจักรวาลหากฉลาดในการนำไปใช้ย่อมมีประโยชน์มหาศาล นำไปแผ่ให้ภพภูมิต่างๆ เขาไปเกิดเป็นเทวดา เขาจำเราได้ ย่อมจะช่วยเราในภายภาคหน้าเรียกว่ามาเป็นบริวารเรานั้นเอง บางครั้งเขาติดอยู่ในที่ๆหนึง โดยที่ไปไหนไม่ได้แล้วเราผ่านไปแล้วกำหนดแผ่บุญส่งวิญญาณให้เขา แทนที่เขาจะต้องติดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายพันหลายร้อยปีแต่เราช่วยเขา ดูสิว่ามีประโยชน์ขนาดไหน ผีที่พวกเล่นไสย์ดำเลี้ยงไว้เหมือนกัน คิดดูสิว่าผีโดนเจ้าพวกนี้ใช้ทรมาน ไม่ต่างอะไรจากทาส บุญก็ไม่อุทิศให้ เอาแต่อาหารคาวหยาบๆให้กิน หลอกล่อผีไปวันๆ แล้วเราไปแผ่ส่งวิญญานเหล่านี้ไป คิดดูสิว่าเราช่วยพวกเขาได้มากขนาดไหน

    หากเราไปแห่งหนตำบลใดหากต้องการแผ่บุญปรับภพปรับภูมิส่งวิญญาณแก้ภูมิแถวนั้นให้กำหนดขอพลังจากองค์พระพร้อมบริกรรมบทพระจักรพรรดิแล้วน้อมแผ่ออกไปจะเป็นการส่งวิญญาณภพภูมิแถวนั้นโดยวิชานี้ทำได้แม้ยังไม่เห็นภพภูมิก็ตามขอแค่จิตเราน้อมไปด้วยความเป็นบุญเมตตาและหวังดี(การแผ่บุญครอบบุญใช้กับคนที่เราหวังดีได้ด้วยเช่นกันหรือแม้กระทั่งกับศัตรูเราให้เขามาเป็นมิตรกับเรา)

    กำลังพุทธคุณของพระผงจักรพรรดิเรานำไปใช้ในการปรับภพปรับภูมิเขาให้ดียิ่งๆขึ้นได้ โดยมิได้เป็นการใช้พุทธคุณในการเบียดเบียนเขาแต่เป็นการใช้กำลังเพื่อให้เขาโมทนาบุญซึ่งเรียกว่าการปรับภพปรับภูมิและเราจะช่วยดวงวิญญานได้จำนวนมากการนำไปใช้ไม่ยากอารธนาองค์พระกำไว้ในมือสวดคาถาจักรพรรดิ1จบแล้วตามด้วยบทสัพเพแล้วก็นึกน้อมบุญนี้ให้แก่ดวงวิญญานทั้งหลายที่เราต้องการแผ่บุญถึงนับได้ว่าพระผงจักรพรรดิใช้เพื่อการการแผ่บุญอย่างแท้จริงสงเคราะห์สัตว์โลกอย่างแท้จริง

    ลำพังกำลังของเราแต่ถ่ายเดียวยังมิอาจครอบคลุม ในการส่งวิญญานได้ทั่ว ได้ถึง และมากพอ ขอจงโปรดขอบารมีคุณพระท่านช่วยเหลือให้ โดยมี พระกำลังพระจักรพรรดินี้เป็นสื่อกลาง(พระสูตรหลวงปู่ดู่นี้ รับรู้และคุยได้ ถามได้ทุกองค์)

    วิธีการ

    ๑. กำพระในมือ จากนั้นโปรดกล่าวคำ อธิษฐานว่า
    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด(หรืออาจจะเป็น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระศรีอาริยะเมตรัย ก็ได้ ตามจริต ด้วยเหตุผลที่ว่าการอัญเชิญพระบารมี หรือการโน้มนำพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นี้จะง่ายกว่า การโน้มนำพระบารมีแห่งพระผู้เข้าพระนิพพานแล้ว เนื่องจาก บารมีท่านมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ยังไม่รวมตัว ยังคงกระจัดกระจายอยู่ทุกอณูในโลก) ขอได้โปรดส่งวิญญาณ ปรับภพปรับภูมิดวงวิญญาณของ......ชื่อนาม หรือกลุ่มก็ได้.....ให้สู่สุขติด้วยเถิด

    ๒. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังดวงวิญญาณที่จะปรับภพ ปรับภูมิให้ แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่จะรับบุญ บางวิญญาณที่มีมิจฉาทิฐิ หรือมีโมหะ คือ ไม่รู้เรื่องว่าโมทนาคืออะไร ก็จะยังไม่ได้รับ เราก็ต้องสัพเพฯ หลาย ๆรอบ จนบารพระท่านครอบกายทิพย์สว่างเย็นไปหมด ช่วยโน้มนำให้วิญญาณนั้นละพยศและความโง่นั้นได้สำเร็จ)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๓. การป้องกันวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะรอนแรมไปในที่แห่งใด ผู้ที่คล้องและทรงกำลังพระจักรพรรดิ รัศมีจะสว่าง จนดวงวิญญาณพากันมาดูด้วยความสงสัยว่า คืออะไร ตรงนี้ก็ให้ถือโอกาสแผ่บุญตามหลักการข้างต้น ผูกมิตรกับวิญญาณเจ้าถิ่นไว้ วิธีนี้ได้ประโยชน์มาก มีวิญญาณมากหลายอยู่มานับพันปีไม่มีที่ไป เราส่งวิญญาณให้เขา ต่อไปเมื่อมีวาระเขาจะกลับมาช่วยเรา วิชานี้ท่านโพธิสัตว์หรือพุทธภูมิทุกท่าน น่าจะศึกษาและปฏิบัติ เพราะเป็นวิชาสร้างบริวารอย่างหนึ่ง แต่ขอจงโปรดอย่าวางอารมณ์ว่าจะสร้างบริวารเลย ขอวางอารมณ์ด้วยเมตตาธรรม พรหมวิหารธรรมเถิด ขอโมทนา......

    ๔. ขอโปรด ส่งวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วย พระสูตรของหลวงปู่ท่านสร้างไว้อย่างฉลาดมาก ท่านสอนให้ปรับภพปรับภูมิอยู่เสมอ เพราะเป็นการส่งดวงวิญญาณทั้งทั่วไปและที่มาจองเวร ป้องกันความเดือดร้อนทั้งผู้สร้างและผู้รับพระไปบูชาติดตัว

    การนำไปใช้จริง

    ๑. ให้หมั่นส่งวิญญาณอยู่เสมอไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งไหนโดยเฉพาะเวลาไปจ่ายตลาดในตลาดสด วิญญาณสัตว์ที่พึ่งตาย หรือที่ค้างอยู่มีมหาศาลทุก ๆวัน ตามป่าช้าหรือข้างทาง บางทีเวลาผมเดินทางไกล หลวงตาบอกให้เปล่งกระแสบุญให้สว่างและให้ไกลมาก ๆ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ทรงทั้งยามหลับยามตื่น เพราะเหล่าวิญญาณจะได้โมทนา บางทีก็ครอบให้เสร็จสรรพ แบบมัดมือให้เลย เดินทางไปต่างจังหวัดแต่ละทีก็เก็บได้มหาศาล

    ยิ่งทำบ่อยๆยิ่งคล่องครับ ถ้าทำคล่องแล้วต่อไปเวลากำหนดแผ่ก็กำพระแล้วน้อมกำลังบุญไปได้แค่กำหนดจิตชั่วขณะโดยไม่ต้องใช้คำพูดก็ยังได้ขอแค่ให้ใจทรงกำลังทั้งหมดที่อาราธนามาในขณะนั้นได้ก็พอ แล้วก็กำหนดแผ่ไปได้เลย ขณะกำพระ แต่ถ้าเป็นการอฐิษฐานใหญ่หรือการสวดมนต์ประจำวัน ก็อฐิษฐานใหญ่ตามเนื้อหาด้านบนได้เลย แล้วก็แผ่ไปทั่ว 3 โลก ไม่ว่าพรหมโลก เทวโลก มนุษยโลก ภพภูมิน้อยใหญ่ต่างๆ นรกโลก และทุกๆอบายภูมิ ผู้มีพระคุณแก่ข้าพเจ้า ครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับข้าพเจ้าทุกๆคน ญาติข้าพเจ้าทั้งหมดในโลกทิพย์ บริวารข้าพเจ้าทั้งหมด เทวดาประจำตัวข้าพเจ้าทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวรข้าพเจ้า <--- แผ่ไปให้ภพภูมิ เหล่านี้ครับเวลาอฐิษฐานใหญ่

    ๒. ก่อนทานอาหารหลวงตาแนะนำให้ส่งวิญญาณด้วย ให้ทำจนเป็นนิสัย เอาแบบให้กวาดมือเหนืออาหารทีเดียวให้ส่งให้หมด แม้แต่บะหมี่หมูสับก็ให้ส่งวิญญาณด้วย หลวงตาบอกว่าเนื้อไม่ว่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะเป็นชิ้นหรือเป็นน้ำก็มีกระแสโยงถึงวิญญาณเจ้าของธาตุนั้นได้ ส่งให้เนื้อ กระแสบุญจะส่งถึงวิญาณเอง คนที่ชอบทานมังสะวิรัติ นอกจากไม่ทานเนื้อแล้วน่าจะทรงวิชานี้ด้วยนะครับ

    __________________________________________

    อธิษฐานรวมบุญ เพื่อความคล่องตัวในเรื่องการเงิน และทุก ๆเรื่อง เป็นการเบิกบุญเก่า และบุญใหม่ที่ยังไม่ให้ผลให้ส่งผลเร็วขึ้น

    หลักการ

    ตามปกติเมื่อเราสร้างกุศลใด ๆ กระแสบุญจะจับอยู่ที่ตัวผู้สร้างสักระยะหนึ่งใดตราบที่ยังคงทรงกำลังความชุ่มชื่นอยู่ได้นั้น หลังจากนั้นจะไปรวมตัวรอที่ภพภูมิสุขคติ เมื่อเราสิ้นธาตุขันต์ก็จะไปเสวยสุขอยู่ในสุขคติภูมิ ตราบจนกว่าจะหมดบุญ แต่ยังมีอีกหลายผู้ โดยเฉพาะนักสร้างบารมีที่จะตายเกิด ๆ ทันทีไม่ยอมเสวยสุขก่อน เพราะจะเสียเวลา บุญก็ยังคั่งค้างอยู่ เอามาใช้ได้ได้แค่ส่วนหนึ่ง (คงต้องออกตัวว่าอจินไตยข้อนี้ผมจะพูดแค่ส่วนจำเป็นเท่านั้น ยังมีอีกหลายอย่างพูดได้ไม่หมด นะครับ มันมีข้อแม้ต่าง ๆมากมาย ผมขอละไว้ครับ ) หรือใครก็ตามที่ชอบบ่นว่า ทำแต่ความดี สร้างแต่ทาน แต่ทำไมยังจน ยังถูกกลั่นแกล้ง ลำบาก ไม่คล่องตัว ครับเหมือนการปลูกต้นไม้ ปลูกเดี๋ยวนี้จะกินผลเดี๋ยวนี้เลยเป็นไปไม่ได้ มันต้องมีวาระของมัน คานดุลกันทั้งบุญและบาป ก็ถือว่าโชคดีมากแล้วที่ยังได้สร้างบุญไว้เป็นเสบียง เพราะการได้พบพระพุทธเจ้าแต่ละครั้งนั้นยากเย็น ลองคิดดูสิครับ บางช่วงในอดีตมีสูญญะอสงไขย์ด้วย โอ้กรรมแท้ ตลอดอสงไขยไม่มีพระพุธเจ้ามาโปรด.....

    ยิ่งคุณเกิดในยุคที่มีครูบาอาจารย์ที่หาได้ยากยิ่ง หลาย ๆองค์ อาทิ หลวงพ่อฤาษีที่ท่านเด่นด้านพาคนเข้าพระนิพพาน หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ที่ท่านเด่นด้านพาคนสร้างบารมี ยิ่งมีโอกาสได้ยากยิ่งครับ ก็เห็นจะมีแต่ในระยะยืดพระศาสนานี่กระมัง

    แต่...เราก็มีวิชาที่จะขอเบิกบุญ รวมบุญ และเร่งบุญเอามาใช้ได้ ได้มากบ้างน้อยบ้างก็ตามเหตุ ตามปัจจัย

    วิธีการ

    ๑. วิชานี้ให้ทรงกำลังใจแบบทานบารมี คือในใจให้เเช่มชื่นด้วยความรู้สึกว่า หากเราพอมีอะไรจะช่วยเหลือ ในบุคคลที่สมควรจะช่วยเราจะรีบช่วยโดยไม่รั้งรอ ไม่ด้วยกำลังปัจจัย ก็กำลังแรงกาย (เป็นการทอดสะพานกระแสบุญจากทานให้ย้อนกลับมา ด้วยลาภเกิดจากทาน การจะดึงผลแห่งลาภให้ได้ผลดี ต้องมีกระแสทานมาเป็นสะพานต่อเชื่อม)

    ๒. ตั้งจิตกำหนดภาพพระมหาจักรพรรดิ กำพระในมือขอบารมีคุณพระโดยมีบารมีแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน และมีบารมีรวมแห่งมหาจักรพรรดิ ของหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด (ให้ยึดถือรูปลักษณ์นี้เป็นหลัก เนื่องจากเป็นรูปลักษณ์ที่ช่วยเหลือในเรื่องทางโลกได้คล่องตัวกว่า)

    ๓. อธิษฐานว่า

    " ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยบารมีแห่งองค์พระสมเด็จองค์ปฐม บรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน มีบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด ขอได้โปรดรวมกองบุญของข้าพเจ้า...(นาม).....เพื่อเบิกมาใช้ ให้มีความคล่องตัวในทุก ๆเรื่อง อันใดติตขัด ขอให้คล่อง ดั่งน้ำที่ไหลออกจากคณโฑ ที่ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ อันใดคล่องตัวอยู่แล้วขอให้คล่องตัวยิ่ง ๆขึ้นไป โดยขึ้นชื่อว่าความอด ความอยาก ความยาก ความไม่มี จงอย่าได้บังเกิดมีในข้าพเจ้า ผู้เป็นผู้รับใช้แห่งพระพุทธศาสนา นับตั้งแต่กาลบัดเดี๋ยวนี้ ตราบจนข้าพเจ้า เข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด และโดยเฉพาะกาลนี้ ขอให้มีความคล่องตัวในเรื่อง ...(อธิษฐานขอพิเศษเอา).....เช่น ตอนนี้ขายของไม่ดีเลยลูกขอให้ขายได้วันละ......ด้วยเถิด

    ๔. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรังสีทางโชคลาภมักจะเป็นรังสีสีทอง)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๕. ให้อธิษฐานทุกวัน เช้าตอนก่อนออกทำงาน-ก่อนนอน หากได้เวลา 20.30 น.ด้วยยิ่งดีครับ

    _________________________________________


    อธิษฐานให้บุตร คนรัก หรือคนในปกครอง แม้กระทั้งเจ้านาย ละมิจฉาทิฐิ อยู่ในโอวาท เป็นคนดีขึ้น จิตใจเยือกเย็นขึ้น

    หลักการ

    ๑. เป็นเรื่องของการใช้ พลังพระและพรหมวิหารสมาธิครับ ให้ทำตอนที่คนที่เราต้องการปรับเขาหลับอยู่ เนื่องเป็นเวลาที่เหมาะที่จะทำการปรับร่างกายและจิตใจคนได้ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่เขาพักผ่อนจากอายตนะและนิวรณ์ทั้งปวง แต่จริงๆ แล้ว ตอนที่ดีกว่าคือตอนที่เขานั่งหรือทำสมาธิอยู่

    ๒. ใช้คู่กับวิชาการครอบวิมานจะยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้น...

    วิธีการ

    ๑. วิชานี้ผู้ใช้ต้องฝึกสมาธิด้วย เนื่องจากต้องอาศัยกำลังสมาธิและตัวเจตนาในฝ่ายดีอันแรงกล้าเป็นตัวกำหนดรูปแบบและทิศทางของพลังงาน จากนั้นจึงขอบารมีหรือพลังงานของคุณพระโดยเฉพาะพระจักรพรรดิเป็นตัวช่วย

    ๒. ให้รักษาศีล 5 ให้ดีก่อนเพราะเป็นกำลังบาทฐานของสมาธิ

    ๓. ตื่นเช้าเมื่อตั้งสติได้ดีแล้ว หลังจากอธิษฐาน ตามบท

    ข้าพเจ้า ......(นามของท่าน)...ผู้เป็นข้ารับใช้แห่งพระพุทธองค์ ขอนอบน้อมและน้อมนำบารมีแห่งพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยบุคคลทุกชั้นภูมิ และพระมหาจักรพรรดิ ตั่งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยมีบารมีรวมของพระศรีอาริยะเมตตรัยเป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะ พระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 ขอพระกรรมฐานทั้ง 40 ทัศ พระปิติทั้ง 5 และวิปัสสนาญาณทั้ง 9 จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ........

    แล้วให้นั่งสมาธิโดยมือกำพระไว้ ภาวนาด้วยคาถาพระมหาจักรพรรดิ กุมลมหายใจสบาย ๆ โดยมีอาณาปาณะสติเป็นบาทฐานเบาๆ ภาวนาไปเรื่อย ๆ สัก 2 นาที สำคัญที่จิตสงบนะครับ อย่าให้ความสำคัญที่จำนวนเวลาของการนั่งมาก

    จากนั้นอธิษฐานว่า

    " ด้วยอำนาจบารมีแห่งพระมหาจักรพรรดิทุก ๆพระองค์ ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยบารมีแห่งองค์พระสมเด็จองค์ปฐม บรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน มีบารมีรวมพระมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเป็นที่สุด ขอได้โปรดกล่อมเกลาปรับสภาพร่างกายและจิตใจของ....(.ชื่อ... นาม.... หรือกลุ่ม..)...ให้ดีขึ้น ขอให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจเยือกเย็น เบิกบาน ให้มีหิริ-โอตตัปปะ มีจิตใจฝักใฝ่แต่ความดี เกลียดกลัวความชั่วทั้งปวง ให้ว่านอนสอนง่าย อยู่ในโอวาท....(ตามแต่จะขอแล้วกันครับ)...หากแม้นเขาดื้อดึงเพียงใด ด้วยอำนาจกงจักรพระจักรพรรดิจงโปรดส่งสอนให้หลาบจำ "

    ๔. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกันแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังผู้ที่จะปรับร่างกายและจิตใจ แต่จะเห็นว่าแสงนั้นอ่อนโยนนิ่มนวลมาก ติดตัวเขาไปทั้งวัน หากเป็นลูกให้ลูบศรีษะเบาๆด้วย เด็กจะว่าง่ายขึ้น )

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๕. ให้ทำทุกเช้า-ค่ำ คือพูดง่าย ๆต้องพยายามตื่นก่อน-นอนทีหลังแล้วให้ทำน้ำมนต์ให้ดื่ม กิน ใช้ล้าง-อาบ ได้หมด จะช่วยให้ผลปรากฎเร็วขึ้น

    ๖. สำหรับผู้ที่คอยขัด หรือไม่เห็นด้วย เวลาเราทำบุญนั้นให้ใช้วิธี พอเวลาทำบุญก็ให้บุญกับเขา เรียกกายทิพย์เขามารับบุญ เขาเรียกว่าให้บุญในหรือให้ทางใน นานไปเขาก็เปลี่ยนแปลงไปเอง หรือเราจะให้กับคนที่โกรธเรา อาฆาตพยาบาทตัวเราก็ได้ บุญเป็นของดี เราให้ใครก็ได้ ไม่ว่าเจ้านาย ลูกน้อง หรือคนที่เราจะไปติดต่อขอความช่วยเหลือ ได้ทั้งนั้น บุญคือความสบายใจ การสร้างบุญโดยการให้ด้วยจิตใจที่เมตตา ถือเป็นการกล่อมเกลาจิตใจไปในตัว และเป็นการปฏิบัติธรรมอีกอย่างหนึ่งด้วย

    ___________________________________


    ใช้ทำน้ำมนต์แก้และกันคุณไสย

    ๑. พระกำลังพระจักรพรรดินี้มีผงยันต์เกราะเพชรด้วยจึงป้องกันได้ในตัว แต่หากพลาดในบางโอกาส เช่น ไม่ได้คล้องตลอด ให้รีบอาราธนาบารมีคล้องคอ แต่หากวิชานั้นฝังลึกในกายแล้วให้อารธนาทำน้ำมนต์รักษา ดื่ม อาบ โดยจุ่มลงในน้ำสะอาด (จุ่มได้เลยแม้พระนั้นเลี่ยมพลาสติดปิดหมดแล้ว เนื่องจากพระนี้เป็นแบบพลังงานรังสี มิได้สร้างจากสูตรโบราณที่ใช้วิธีตั้งธาตุ หนุนธาตุ ที่ต้องเจาะรูให้อากาศธาตุเข้าได้พระถึงมีอิทธิคุณโดยสมบูรณ์ พลังงานพระแบบนี้จะเป็นแบบคลื่นที่ต้องมีอณูอากาศธาตุหรือธาตุลมเป็นตัวนำ)

    ๒. โดยกล่าวคำอารธนาบารมีว่า

    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา เป็นทาสแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุด(หรืออาจจะเป็น หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค , หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ , พระศรีอาริยะเมตรัย ก็ได้ ตามจริต ด้วยเหตุผลที่ว่าการอัญเชิญพระบารมี หรือการโน้มนำพระบารมีของพระมหาโพธิสัตว์นี้จะง่ายกว่า การโน้มนำพระบารมีแห่งพระผู้เข้าพระนิพพานแล้ว เนื่องจาก บารมีท่านมหาโพธิสัตว์เหล่านี้ยังไม่รวมตัว ยังคงกระจัดกระจายอยู่ทุกอณูในโลก) ขอได้โปรดแผ่บารมีมายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการรักษาโรคอันเกิดแต่คุณไสย และอวิชชานี้ด้วยเถิด

    ๓. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำที่เราเราจัดเตรียมไว้ ให้เราแกว่งพระวน ๆสัก 4-5 รอบ ก็ทูลศรีษะน้ำนั้นให้ใช้ดื่มและอาบได้เลย ขอโปรดจงเชื่อมั่นเถิด...)

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๔. หากต้องการจะป้องกันทั้งบ้านให้น้ำมนต์รดรอบบ้าน แล้วอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่และสวดจักรพรรดิ 1 จบ แล้ว สัพเพแผ่ครอบบ้านอฐิษฐานด้วยใจ

    ____________________________________

    กำหนดจิตถามพระในเรื่องการปฏิบัติ
    และในทุกเรื่องปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ตก

    หลักการ

    ตอนหลวงตาม้าท่านออกธุดงค์ ก่อนออกธุดงค์นั้น หลวงปู่เรียกหลวงตาเข้าไปพบและมอบของสิ่งหนึ่งให้ .....สิ่งนั้นคือพระที่หลวงปู่ดู่สร้าง หลวงปู่ดู่บอกว่า " ....เอ็งเอาพระข้าไป ถ้าสงสัยอะไร เอ็งก็ถามพระเอาเอง ..."

    พระที่สร้างด้วยสูตรของหลวงปู่ พระองค์เดียวแม้เพียงขนาดปลายก้อย ก็เปรียบเสมอ Hard Disk ที่เก็บข้อมูลไว้ทุกอย่าง ของพระพุทฑพระธรรมพระสงฆ์ เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะพระโพธิสัตว์บางองค์เท่านั้นที่ทำได้ ไม่ต้องสงสัยอะไรมากครับ ว่าหลวงปู่ทำได้อย่างไร เอาเป็นว่า เมื่อเรารู้ว่าพระสูตรหลวงปู่ทุกองค์ไว่จะสร้างโดยใคร หากได้รับการถ่ายทอดโดยครูบาอาจารย์กันเป็นทอด ๆ เฉพาะบุคคลที่เหมาะสม มีความสัมพันะเกี่ยวเนื่องกันบางประการ และสร้างด้วยเจตนาบริสุทธ์ หลวงปู่ท่านคุม และรับรองครับ

    เหมือนกับที่หลวงปู่พูดว่า " เอ็งนึกถึงข้า ข้าก็นึกถึงเอ็ง เอ็งไม่นึกถึงข้า ข้าก็ยังนึกถึงเอ็ง..." บารมีหลวงปู่ยังไม่รวมตัว ยังอยู่ทุกอณูอากาสธาตุทั้ง 4 เนื่องเพราะท่านตาย-เกิดมานานแสนนาน

    วิธีการ

    ๑. ทำใจสบาย ๆ หลวงปู่เน้นที่ใจสบายๆ เบา ๆ ไม่เคร่งเกินไป คนยุคนี้ที่ฝึกแล้วไม่ไปไหนก็เพราะชอบเข้าใจว่า ของแบบนี้ต้องเคร่งมาก ๆ ประเภทหลับตาปี๋ไม่คุยกันใคร ไม่ยิ้มไม่พูด อันนี้พังครับสุดโต่งเกินไป แต่ต้องตั้งใจด้วยนะ ไม่ปล่อยให้สบายเกินไป และโปรดอย่าเข้าใจว่าวิชานี้ต้องยาก เราไปติดว่ายากมันก็จะยาก จริง ๆกำลังที่ใช้ก็ประมาณอุปจารสมาธิเอง ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่าย ๆกันทุกคนอยู่แล้ว

    ๒. กำพระกำหนดให้เห็นรูปหลวงปู่ แล้วก็ถามเอาดื้อ ๆเลยครับ ก็ว่าไป เช่น " หลวงปู่ ทำงัยดีผมจะทำสัญญาฉบับนี้ ทำแล้วลูกจะเสียเปรียบไหม... " จากนั้นก็สบาย ๆไม่ต้องเคร่งอะไรมาก ไม่ต้องไปเงี่ยหูฟังว่าหลวงปู่จะตอบ บางทีหลวงปู่ไม่ตอบเป็นคำพูด ท่านจะตอบเป็นจิตรู้เลย หรือจะให้เห็นภาพเลย บางทีก็จะมีเหตุการณ์บางอย่าง ให้รู้เอง คือท่านจะดลทั้งใจ ทั้งรูปการณ์ให้พร้อมเสร็จ

    ________________________________________________

    [​IMG]

    การอธิษฐานขอบารมีพระช่วยเหลือ
    ในกรณีพิเศษในเวลา 20.30 น. ของทุกวัน

    หลักการ

    ๑. ทุกวัน เวลา 20.30 น.ที่วัดถ้ำพรหมปัญโญของหลวงตาม้า หรือแม้กระทั่ง ศิษย์สายหลวงปู่ดู่ จะทำการสวดมนต์ตามรูปแบบของสายหลวงปู่ดู่ และเจริญคาถามหาจักรพรรดิ พร้อมอธิษฐานจิตแผ่ไปทั้ง 3 โลก นี่คือการทำสมาธิหมู่ครับ ท่านทำมาช้านานแล้ว ศิษย์ท่านบางคนก็จะถอดกายทิพย์ไปสวดที่วัดถ้ำพรหมปัญโญ ในบางทีจึงมีเรื่องเล่าว่าเห็นปาฏิหาริย์ เหลือบไปเห็นลูกศิษย์ท่านนั้นมาสวดมนต์ที่วัด แต่ตัวจริงไม่ได้อยู่ที่นั่น

    ๒. การทำสมาธิหมู่นี่ไม่ได้ทำเฉพาะมนุษย์เท่านั้น เทพและเทวดา แม้พญานาค ท่านก็มาด้วย มหาศาลมากครับ กล้องถ่ายติดบ่อยมาก เมื่อจบการทำสมาธิแล้วท่านจะแผ่บุญไปยัง 3 โลก และอธิษฐานจิตไปยังพระทุกองค์ที่สร้างด้วยสูตรหลวงปู่ดู่ นั่นหมายความว่าพระที่สร้างด้วยสูตรหลวงปู่ดู่ ยิ่งนานยิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งแจกไปได้มากเท่าไร กำลังพระจักรพรรดิจะเข้าปรับได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เหมือนการวางเครือข่ายสัญญาณมือถือนั่นเอง เราเรียกว่า การวางข่ายพระจักรพรรดิ อย่างบางท่าน นอน ๆอยู่พอ 20.30 น. พระที่คล้องอยู่เรืองแสงได้ เหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาครับ (ก็ชั่งใจอยู่นานครับ ว่าจะลงเรื่องนี้ดีหรือไม่ แต่เห็นว่ามีประโยชน์มากกว่า ทั้งคนในที่นี้ก็เหมาะสมที่พอจะรับรู้เรื่องนี้ได้ จึงตัดสินใจเล่าให้ฟัง

    ๓. ด้วยเหตุผลข้างต้น หากท่านมีเรื่องใดๆ ที่ต้องการกำลังพิเศษ เพื่อขอบารมีพระท่านช่วย หากเลือกเวลานี้จะมีผลชัดเจนและรวดเร็วขึ้น

    วิธีการ

    ๑. เตรียมตัวให้พร้อม (พร้อมใจ ให้สำคัญกว่าพร้อมกาย หรือพร้อมสถานที่ ) อย่างน้อยสัก 20.15 น.ควรพร้อมแล้ว อาจจะอยู่หรือไม่อยู่ในห้องพระก็ได้

    ๒. กำพระในมือพร้อมทั้งอธิษฐานขอท่านตามปราถนาตามวิธีการที่ถ่ายทอดให้ข้างต้น

    ๓. สวดมนต์ตามตำรับหลวงปู่ดู่ (แล้วจะหามาโพสให้ทั้ง อักษรและเสียงครับ)

    อธิษฐานซ้ำอีกครั้งหลังสวดมนต์เสร็จ

    หากทำได้ทุกวันจะยิ่งดี จะเป็นการเร่งรัดและทำให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

    _____________________________________
    การอธิษฐาน ครอบดวงแก้วให้แก่บ้าน
    เพื่อป้องกันรังสี ทั้งบ้าน ในกรณีเกิดภาวะสงคราม
    ที่มีการใช้กัมมันตรังสี

    หลักการ

    หลวงปู่ดู่ ท่านมองการไกลมาช้านานแล้ว ในเรื่องนี้ พระท่านหรือพระที่สร้างด้วยสูตรท่าน จะกันรังสีได้ทุกองค์ (เฉกเช่นเดียวกับพระของหลวงพ่อฤาษีลิงดำในยุคหลัง ๆ) หรับผู้ที่คล้องบูชา แต่หากต้องการให้ครอบคลุมทั้งบ้านประดุจมีดวงแก้วครอบบ้านทั้ง 6 ทิศ คือซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง ก็จะต้องอัญเชิญพระไว้ที่บ้าน 1 องค์ แล้วทำการอธิษฐานตามแบบอย่างข้างล่าง

    วิธีการ

    ๑. ให้อัญเชิญพระกำลังพระจักรพรรดิ หรือพระที่สร้างด้วยสูตรหลวงปู่ดู่มาอธิษฐานทำน้ำมนต์ โดยควรเลือกเวลา 20.30 น. เพราะต้องอาศัยกำลังใหญ่

    ๒. ให้ตั้งจิตอธิษฐานทำน้ำมนต์โดยนำพระแช่ในภานะอันควร อาจจะเป็นขันน้ำมนต์ก็ได้ ตามร้านขายสังฆภัณฑ์ ราคาไม่แพงนักประมาณ 50-60 บาท โดยควรแช่ไว้เช่นนั้นตลอดเพื่อจะได้เป็นหัวเชื้อน้ำมนต์ สำหรับใช้ในการอื่น ๆ ได้อีก

    ๓. นำขันน้ำมนต์ที่แช่พระอยู่ ตั้งไว้ในที่อันควร ตั้งจิตดี ๆ นึกน้อมถึงหลวงปู่ดู่ และกล่าวคำอธิษฐานตามตัวอย่าง
    ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ ข้าพเจ้าขอถวายแล้วซึ่งร่างกาย ดวงวิญญาณ ถวายแล้วซึ่งขันธ์ทั้ง ๕ กอง เพื่อบูชาคุณแก่องค์พระตถาคตทศพล ขอบารมีแห่งพระองค์นับตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต จงสถิตอยู่เหนือศีรษะของข้าพเจ้าทุกวันคืน ทั้งยามหลับ ยามตื่น ยามยืน ยามเดิน ยามนั่ง ยามนอน ยามรู้ตัว ยามมิรู้ตัว

    ขอเดชะ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดีกรรมอันใดอันข้าพเจ้า ล่วงเกินกระทำแล้วในคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ทั้งรู้ตัวก็ดี มิรู้ตัวก็ดี โดยเจตนาก็ดี มิเจตนาก็ดี ทั้งชาตินี้ก็ดี ทั้งอดีตชาตินับสงไขยมิถ้วนก็ดี กรรมอันใดเหล่านั้นที่ข้าพเจ้าประมาทพลาดพลั้งไป ขอคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า จงโปรดละซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อการปราศจากเวรภัยแก่ตัวข้า และเพื่อการสำรวมระวังในกาลต่อไป

    ข้าพเจ้าผู้เป็นผู้รับใช้พระพุทธศาสนา เป็นทาสแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ ขออัญเชิญบารมีแห่งพระพุทธเจ้าทุก ๆพระองค์ นับตั้งแต่ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยมีพระบารมีรวมของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นที่สุดขอได้โปรดแผ่บารมีมายังน้ำบริสุทธิ์นี้ ให้มีพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ และมหิทธานุภาพ ในการป้อง ขจัด ทำลาย รังสีและพลังงานอันไม่ดีทั้งปวง ที่เข้ามาในอาณาบริเวณเขตน้ำมนต์แห่งนี้ ให้เกิดเป็นปราการแก้วคุ้มครองเจ็ดชั้น ทั้ง 6 ทิศคือเบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องซ้าย เบื้องขวา เบื้องบน และเบื้องล่าง ให้กระแสเย็นแห่งน้ำมนต์นี้จงเปล่งออกไปเป็นรัสมีเรืองรอง คุ้มครองป้องกันและครอบปกคลุมบ้านทั้งหลังของข้าพเจ้านี้ ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้จง ร่มเย็นปลอดภัยจากันตรายทั้งหลายทั้งปวงด้วยเถิด

    ๔. จากนั้นจึงกล่าว คำอัญเชิญพระเข้าตัว

    สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
    พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
    อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส

    (ในระหว่างนี้ให้วางจิตเบา ๆ โน้มนำพระบารมีเข้าตัว หรือผู้ที่ได้แล้ว จะเห็นเองว่าจะมีพระบารมีเข้าตัวเป็นแสงสว่างวาบไปหมด ในขณะเดียวกับแสงนั้นก็พุ่งตรงไปยังน้ำที่เราเราจัดเตรียมไว้ จากนั้นน้ำนั้นจะเปล่งรังสีออกทองหรือรุ้งครอบบ้านไว้ บางทีจะดูเหมือนพระอาทิตย์ทรงกลดครอบบ้านทั้งหลังเอาไว้ )

    พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ

    ๕. สวดมนต์ตามตำรับหลวงปู่ดู่

    ๖. ให้อธิษฐานซ้ำอีกครั้งตามข้อ ๓ และข้อ ๔

    ๗. จากนั้นให้นำน้ำไปรดรอบบ้านอีกรอบ เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกครั้ง แล้วนำน้ำมนต์นั้นไปตั้งไว้ในที่อันควร เพื่อใช้ในการต่าง ๆอีก และคอยหมั่นเติมน้ำอย่าให้แห้ง เป็นอันเสร็จ ส่วนพระก็แช่เป็นประธานป้องกันรังสีของบ้านไว้อย่างนั้น จะเป็นการดีครับ

    ขั้นสูง

    ๑. สำหรับผู้ที่เข้าใจวิชา และตรวจสอบวิชาเป็น คืออย่างน้อย สามารถครอบวิมานได้ มีความคล่องดี เพียงแต่เดิน ๆ ไปเห็นสถานที่นั้นพอจะเป็นที่หลบภัยได้ เพียงแต่ชี้นิ้วไปเท่านั้น เคหะสถานแห่งนั้นก็จะ ป้องกันรังสีได้ (ฟังดูเหลือเชื่อนะ ตอนนี้ผมยังไม่อยากให้คุณเชื่อ เอาไว้ได้พระชุดนี้ที่ผมแจกไป แล้วเห็นความอัศจรรย์หลาย ๆอย่าง ท่านจะเชื่อทีละน้อย เพราะข้างต้นนี้ไม่เหนือบ่าฝ่าแรงเลย...) อยากทำได้เช่นนั้นคงต้องกราบเรียนหลวงตาท่านให้ถ่ายทอดให้ เพราะผมคิดว่าเป็นวิชาเฉพาะที่ไม่ควรเผยแพร่เป็นที่สาธารณะครับ

    ______________________________________________

    แนวทางการเจริญสมาธิเพื่อมุ่งสู่มรรคผล นิพพาน
    การภาวนาเพื่อไปสู่ความหลุดพ้น

    แต่ไหนแต่ไรมา คนเราเกิดมาแล้วมีแต่ความวุ่นวายสารพัดอย่างปรุงแต่งต่างๆ นานานับไม่ถ้วนเหลือที่จะคณา เมื่อเรามาทำความสงบแม้เพียงประเดี๋ยวเดียวก็รู้สึกว่าเย็นใจสบายใจ เราก็ควรรักษาความเย็นอันนี้ ความสบายอันนั้นไว้ให้ตลอดไป จึงจะเป็นไปเพื่อความสุขซึ่งเป็นความปรารถนาของคนทั่วไป เมื่อได้ความสุขนั้นมาแล้วก็จงรักษาความสุขนั้นไว้ ของหาได้ง่ายแต่รักษาได้ยาก ครั้นทำได้แล้วที่จะรักษาไว้ให้ได้นานนั้นยากที่สุด เพราะอะไร เพราะกิริยาอาการทุกอย่างของเรามันกระทบกระเทือนอยู่ตลอดเวลาเป็นต้นว่า ยืน เดิน นั่ง นอน การพูด การคุย การกิน สารพัด ทุกอย่าง เป็นเรื่องกระทบอายตนะทุกสิ่งทุกประการ จิตมันก็ส่งไปตามอายตนะจึงว่ารักษาได้ยาก ถ้าหากผู้ทำได้ชำนิชำนาญคล่องแคล่วเสียแล้วท่านรู้เท่ารู้เรื่องท่านตามรู้ตามเห็นทุกสิ่งทุกประการ มันจะมาแบบไหนก็ตามรู้เรื่องของมันจิตส่งไปก็เป็นธรรมะ จะคิดนึกถึงก็เป็นธรรมะ มันปรุงมันแต่งก็เป็นธรรมะ ถ้ารู้เท่ารู้เรื่องมันเป็นธรรมดาเป็นของมันอย่างนั้นเป็นธรรมะทั้งหมด ผู้ปฏิบัติจะเห็นความดีความชั่วของตนตรงนี้แหละมันเป็นธรรมหรือมันเป็นโลก ก็เห็นกันที่ตรงนี้ ที่จิตนี่

    การปฎิบัติ

    เบื้องต้นกำพระทำใจให้สบายๆสวดจักรพรรดิไปเรื่อยๆเป็นการน้อมพุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณเข้าสู่จิตเพื่อยกระดับจิตใจให้ละเอียดขึ้นและง่ายสำหรับการนำมาพิจารณาโดยการทำใจให้สงบในขั้นนี้เรียกว่าสมถะสมาธิคือทำใจให้ถึงความสงบ ขอบารมีหลวงปู่ เป็นที่สุดให้ท่านช่วยคุมการปฎิบัติของเรา

    ขึ้นการพิจารณา

    เมื่อผ่านไปเรื่อยๆและรับรู้ว่าใจเราสงบสบายแล้วสมควรแล้วที่จะนำมาพิจารณาข้อธรรมจึงยกเอาข้อธรรมข้อดข้อหนึ่งขึ้นมาพิจารณานี้เรียกว่าวิปัสสนา

    ทำสมถะให้ใจสว่างแล้วใช้วิปัสสนาเพื่อ
    ขจัดกิเลศพิจารณาข้อธรรมให้ปลงข้อใดข้อหนึ่ง
    เพื่อไปสู่ความหลุดพ้น

    ธรรมที่แต่ละบุคคลจะน้อมขึ้นมาพิจารณา
    อาจจะไม่เหมือนกันแล้วแต่จริตของแต่ละคน

    มีจิตตั้งมั่นในพระนิพพานเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิตผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถฉลาดย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์ของตนให้เข้าใจ
    และรู้จักวิธีกำหนดปล่อยวางหรือควบคุมจิตใจและอารมณ์ให้ได้ เปรียบเสมือนเวลาที่เราขับรถยนต์ จะต้องศึกษาให้เข้าถึงวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัย บางครั้งควรเร่ง บางคราวควรผ่อน บางทีก็ต้องหยุดเร่งในเวลาที่ควรเร่ง ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน หยุดในเวลาที่ควรหยุด ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
    ข้อสำคัญที่สุดของการปฏิบัติคือ ต้องไม่ประมาท ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ถ้าเราปฏิบัติไม่เป็นเสียแต่วันนี้ เวลาใกล้จะตายมันก็ไม่เป็นเหมือนกัน เหมือนคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำ เวลาใกล้จะจมน้ำตาย นั่นแหละก็จมตายไปเปล่า ๆ ถ้าใน 1 วันนี้ไม่ปฏิบัติภาวนาวันนั้นขาดทุนเสียหายหลายล้านบาท

    จงมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่า คนสัตว์สิ่งของ เงิน ทอง ลาภ ยศ นินทา สรรเสริญ เป็นของโกหกของสมมุติ ภาพมายาทั้งนั้น ทุกอย่างไม่ใช่ของจริงเป็นของหลอกลวงที่คนไม่ฉลาดต่างพากันหลงใหลกับสิ่งของสมมุติของโกหก ไม่ว่าอารมณ์ดี อารมณ์ร้าย ก็ไม่ใช่ของเราจริงผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ทุกข์ทั้งหลายเกิดจากเหตุ(คือ ความไม่รู้ ความอยากได้) ถ้าต้องการดับทุกข์ ต้องดับเหตุก่อน คือ ให้รู้ว่าทั้ง 3 โลก เป็นอนิจจัง เปลี่ยนแปลงเป็นโทษเป็นทุกข์เป็นปัญหา และสูญสลายตายกันในที่สุด ถ้าเรามีญาณก็จะรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดในชีวิตเราไม่มีการบังเอิญเลย

    ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมพิจารณาร่างกายคนสัตว์ในโลกว่าน่าเกลียดน่ากลัว เป็นทุกข์เป็นโทษเป็นภาระต้องดูแลอย่างหนัก เน่าเหม็นแตกสลายตายไปกันหมด ผู้ที่มีศรัทธาแท้คือผู้ที่เชื่อและยอมรับ พระพุทะ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเอาความโลภ ความโกรธ ความหลงมาเป็นที่พึ่ง ผู้ปฏิบัติตามพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอน คือ ให้ขยันภาวนา แล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงจะน้อยลงและหมดไป

    ผู้ปฏิบัติต้องหมั่นตามดูจิต รักษาจิต ผู้ฝึกจิตถ้าทำจิตให้มีอารมณ์หลายอย่างจะสงบไม่ได้ และ ไม่สภาพของจิตตามเป็นจริง ถ้าทำจิตให้ดิ่งแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว โดยเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างแตกสลายตายหมดสิ้นแล้ว จิตก็มีกำลังเปล่งรัศมีแห่งความสว่างออกมาเต็มที่ มองสภาพของจิตตามเป็นจริง ได้ว่าอะไรเป็นจิต อะไรเป็นกิเลส อะไรควรรักษา อะไรควรละทิ้งออกจากจิต ไม่ควรใส่ใจสนใจเรื่องของผู้อื่น ควรตั้งใจตรวจสำรวจดูจิตของเราเองว่ายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง คิดว่าร่างกายนี้ยังเป็นของจิตหรือไม่ ตามความเป็นจริงแล้ว จิตกับกายไม่ใช่อันเดียวกัน เพียงแต่มาอาศัยกันชั่วคราวเท่านั้น

    เช่น

    -พิจารณาความไม่เที่ยงของร่างกาย ระลึกถึงความตายว่าหนีไม่พ้น พิจารณาความเน่าเสียของร่างกาย เพื่อปลงและไม่ยึดถือยึดมั่นในร่างกาย เพื่อไม่ยึดถือว่ามีเขามีเรา และมีความต้องการความหลุดพ้นเพียงอย่างเดียว ที่อื่นๆนอกจากพระนิพพานเราไม่ต้องการเพราะยังต้องเวียนว่ายตายเกิดและกลับมาทุกข์อีกอยู่

    - พิจารณา ถึงข้อเสียของกิเลศ และค้นจิตตัวเองดูว่ายังมีกิเลศตัวไหนอยู่ แล้วใช้ความสงบของจิตเข้าข่ม

    - อัตภาพร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เราจะไม่มีการติดอกติดใจอยู่ในร่างกายของเรา และร่างกายของบุคคลอื่น เราถือเสมือนว่าร่างกายเป็นสภาวะอันหนึ่ง ๆ หรือ บ้านเช่าที่เราใช้อาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น

    - วิจิกิจฉา เราไม่สงสัยในคำสั่งและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้ปัญญาพิจารณาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระชินวรอยู่เสมอ

    - สีลัพพตปรามาส เราจะรักษาศีลให้ครบถ้วนไม่ลูบคลำศีล

    - กามฉันทะ เป็นฉันทะ เป็นภัยสำหรับเรา เราพยายามหาทางทำลายกามฉันทะให้พินาศไปจากจิต

    - เราจะตัดปฏิฆะ คือ ความกระทบกระทั่งกับอารมณ์ของจิต ด้วยอำนาจความโกรธ ความพยาบาทให้สิ้นไป

    สุดท้ายเมื่อท่านทำถึงที่สุดแห่งธรรมได้ ปลงและสำเร็จขอธรรมในการทำกิเลศให้สิ้นไปเมื่อนั้นคือหมดแห่งความมีชาติภพ

    ก่อนภาวนาทุกครั้งขอให้ระลึกถึงพระนิพพานเป็นที่สุดในชาติปัจจุบันอย่างเลวขอให้ไปสำเร็จยุคพระศรีโดยตายจากการเป็นคนไปเป็นเทวดาแล้วรอพระศรีมาไปฟังเทศแล้วบรรลุเข้านิพพาน

    _________________________________________


    [​IMG]


    การนำองค์พระมาใช้ในการภาวนาในการฝึกวิชาเปิดโลก(วิชาภูติพระพุทธเจ้าของหลวงปู่ดู่)และการปรับภพปรับภูมิ

    ขอนำหนึ่งในวิชาที่หลวงปู่ท่านได้เมตตาสอนไว้ให้ลูกศิษย์ซึ่งท่านได้รับวิชานี้มาจากมาจากเบื้องบนมาแนะนำกันครับ หลวงตาม้าท่านสำเร็จวิชาเปิดโลกมาจากหลวงปู่ดู่อีกทีหนึงและเมตตานำมาสอนอยู่ในปัจจุบัน(ปัจจุบันผู้ที่แตกฉานวิชาหลวงปู่ที่ยังหลงเหลืออยู่ก็คือท่านหลวงตาม้า) โดยส่วนตัวผมเองนั้นโชคดีมากๆที่ได้มีบุญพบท่านและเรียนวิชานี้จากท่าน จึงอยากนำมาแบ่งปันผู้อื่นครับ

    เบื้องต้น เมื่อมีองค์พระแล้ว อารธนามาไว้ในมือแล้วสวดบทเจริญพระกรรมฐานด้วย บทสรรเสริญพุทธคุณ บทอารธนาศีล บทบูชาหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ และ บทขอขมาพระรัตนตรัย แล้วต่อด้วยบทพระมหาจักรพรรดิ

    จากนั้นจึงทำสมาธิในอิริยาบถที่เราถนัด กำพระไว้ในมือ น้อมนึกอารธนา
    กำลังจากองค์พระมาที่จิตเป็นการเพิ่มกำลังจิตในการภาวนาของเรา

    แล้วน้อมพลังงานพุทธคุณนี้มายังฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิด้วย เช่นหากทำแนวอานาปานสติก็น้อมมาที่ลมหายใจ หรือถ้าเป็นแนวกำหนดสมาธิเฉพาะจุด(ที่เป็นสมถะ)เช่นที่หว่างคิ้ว ก็น้อมมารวมที่นั้น โดยนิมิตใดๆที่จะให้กำหนดต่อไปก็กำหนดไว้ที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิของเรา

    การบริกรรมใช้คำภาวนาพุทธคุณใดก็ได้ พุทโธ หรือ ภาวนาไตรสรณะคมไปเรื่อยๆ แต่แนะนำให้ใช้บทสวดพระจักรพรรดิมาใช้เป็นคำบริกรรมในการทำสมาธิเพราะจะได้ผลเร็วที่สุด(ควรท่องจำให้ขึ้นใจและในชีวิตประจำวันนึกได้เมื่อไรไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็บริกรรมสบายๆในจิตของเราจะเป็นการทรงจิตเราให้เป็นทิพย์และเป็นกำแพงแก้วคุ้มตัวเราด้วย)

    การกำหนดนิมิตที่ฐานที่เราใช้ในการทำสมาธิให้กำหนดเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ หรือจะเป็นหลวงปู่ทวด หรือ หลวงปู่ดู่ก็ได้ กำหนดนิมิตเบาๆ พร้อมไปกับการ ภาวนาคำบริกรรมเมื่อทำได้คืบหน้าแล้วจะรู้ที่จิตเองโดยพลังงานของครูบาอาจารย์ที่คุมการภาวนาเราอยู่จะสื่อมาที่เรา(เพราะก่อนนั่งเราอัญเชิญท่านมาแล้ว)และพระท่านจะมาสอนเราในสมาธิได้เมื่อสมาธิเราละเอียดเข้าหรือใจทรงความเป็นทิพย์ได้ดีขึ้นและวางอารมณ์ได้สบายๆ และหากถึงจุดๆหนึงจะทำให้สามารถสัมพัสโลกทิพย์ได้ซึ่งมีประโยชน์ที่จะทำให้เราเข้าใจความจริงของธรรมชาติได้

    สรุปย่อๆก็คือเรานำพระมากำก็เพื่อเพิ่มกำลังจิตในการทำสมาธิของเรา

    การสวดภาวนาคาถาจักรพรรดิ
    เมื่อมีเหตุก็ดีหรือยังไม่มีก็ดีให้สวดคาถานี้จะเป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวเรา
    ระหว่างที่สวดก็นึกถึงภาพองค์พระเบาๆไปด้วยแบบทรงเครื่องจักรพรรดิยิ่งดี

    การปรับภพปรับภูมิ

    พลังของพระผงจักรพรรดิเป็นของสูงอานิสงค์ครอบจักรวาลหากฉลาดในการนำไปใช้ย่อมมีประโยชน์มหาศาล นำไปแผ่ให้ภพภูมิต่างๆ เขาไปเกิดเป็นเทวดา เขาจำเราได้ ย่อมจะช่วยเราในภายภาคหน้าเรียกว่ามาเป็นบริวารเรานั้นเอง บางครั้งเขาติดอยู่ในที่ๆหนึง โดยที่ไปไหนไม่ได้แล้วเราผ่านไปแล้วกำหนดแผ่บุญส่งวิญญาณให้เขา แทนที่เขาจะต้องติดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายพันหลายร้อยปีแต่เราช่วยเขา ดูสิว่ามีประโยชน์ขนาดไหน ผีที่พวกเล่นไสย์ดำเลี้ยงไว้เหมือนกัน คิดดูสิว่าผีโดนเจ้าพวกนี้ใช้ทรมาน ไม่ต่างอะไรจากทาส บุญก็ไม่อุทิศให้ เอาแต่อาหารคาวหยาบๆให้กิน หลอกล่อผีไปวันๆ แล้วเราไปแผ่ส่งวิญญานเหล่านี้ไป คิดดูสิว่าเราช่วยพวกเขาได้มากขนาดไหน

    หากเราไปแห่งหนตำบลใดหากต้องการแผ่บุญปรับภพปรับภูมิส่งวิญญาณแก้ภูมิแถวนั้นให้กำหนดขอพลังจากองค์พระพร้อมบริกรรมบทพระจักรพรรดิแล้วน้อมแผ่ออกไปจะเป็นการส่งวิญญาณภพภูมิแถวนั้นโดยวิชานี้ทำได้แม้ยังไม่เห็นภพภูมิก็ตามขอแค่จิตเราน้อมไปด้วยความเป็นบุญเมตตาและหวังดี(การแผ่บุญครอบบุญใช้กับคนที่เราหวังดีได้ด้วยเช่นกันหรือแม้กระทั่งกับศัตรูเราให้เขามาเป็นมิตรกับเรา)

    กำลังพุทธคุณของพระผงจักรพรรดิเรานำไปใช้ในการปรับภพปรับภูมิเขาให้ดียิ่งๆขึ้นได้ โดยมิได้เป็นการใช้พุทธคุณในการเบียดเบียนเขาแต่เป็นการใช้กำลังเพื่อให้เขาโมทนาบุญซึ่งเรียกว่าการปรับภพปรับภูมิและเราจะช่วยดวงวิญญานได้จำนวนมากการนำไปใช้ไม่ยากอารธนาองค์พระกำไว้ในมือสวดคาถาจักรพรรดิ1จบแล้วตามด้วยบทสัพเพแล้วก็นึกน้อมบุญนี้ให้แก่ดวงวิญญานทั้งหลายที่เราต้องการแผ่บุญถึงนับได้ว่าพระผงจักรพรรดิใช้เพื่อการการแผ่บุญอย่างแท้จริงสงเคราะห์สัตว์โลกอย่างแท้จริง

    นึกถึงองค์พระไว้เป็นพุทธานุสสติ นึกถึงความดีของพระพุทธเจ้าไว้เป็นการทำใจให้ทรงความดี ทำใจให้เป็นบุญ กายทิพย์จะสว่างเจิดจรัสไปด้วยบุญซึ่งต่างจากพวกคนพาลที่กายทิพย์มีแต่ความมัวหมองแลดูคล้ายร่างเปรตซ้อนกายคน พวกนี้หากยังประมาทอยู่ก็พร้อมจะลงนรกทุกเมื่อการทรงความดีเช่นพรมหวิหารการไม่ถือโกรธผู้ใดมีแต่ความหวังดีเป็นการทำใจให้สว่างเมื่อใจเราสว่างฉันใดย่อมกลบความมืดฉันนั้น

    หมั่นแผ่เมตตาแผ่บุญให้บริวารเราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันและเทวดาประจำตัวเราด้วยนะจะเป็นการเจริญเมตตาจิตเพิ่มศิริมงคลแก่ตนและเขาเหล่านั้นจะมาเป็นกำลังช่วยคนดีที่ คิด พูด ทำสิ่งดีๆ ให้พ้นบ่วงมาร อย่างแน่นอน ถ้าตัวเราทรงความดีอยู่ เบื้องต้นศีล 5 ก็ใช้ได้ เพราะเป็นศีลที่ปิด อบายภูมิ(นรก)ได้

    การนำองค์พระมากำเวลาสวดมนต์
    กำพระเวลาสวดมนต์จะเป็นการทำให้จิตเรามีกำลังเป็นอย่างยิ่งอานิสงค์เวลาเราแผ่บุญจากการสวดจะคลุมไปทั่วจักรวาลและสังเกตุว่าหากจิตเราสบายๆองค์พระในมือจะดิ้น(พระเครื่องสายหลวงปู่ดู่ที่ใช้วิชาภูติพระพุทธเจ้าทำดิ้นได้ทุกองค์อันนี้หลวงปู่ท่านยืนยัน)

    หมายเหตุ

    -ทั้งนี้การทำกรรมฐานหลวงปุ่ดู่ทุกแบบต้องมีการสวดบทจักรพรรดิ ก่อน หรือ ขณะที่ทำกรรมฐาน เพราะบทจักรพรรดิที่หลวงปู่ท่านให้ไว้ขณะที่สวดจิตเราจะทรงความเป็นทิพย์เป็นการเร่งการปฎิบัติ

    _________________________________________

    ข้อคิด

    พระสูตรท่านเป็นพระใช้มิใช่พระเก็บบูชา และก็มิใช่พระสะสม
    คือให้คิดว่าพระท่านคือหัวใจ เมื่อขาดก็ตายได้ หรือพระท่านคือเงิน ที่ถ้าขาดก็จะทำอะไรไม่คล่องถึงไม่ได้ ให้คิดว่าพระท่านคือร่างกายหรือส่วนหนึ่งของร่างกายเราทีเดียว การเก็บเอาไว้เฉย ๆไม่คล้องคอติดตัว หรือไม่แช่ถังน้ำในบ้านเพื่อทำน้ำมนต์ ไม่ใช้ส่งวิญญาณ ถือว่าเสียประโยชน์ พระของท่านก็ทำแจกเรื่อย ๆ จะพูดว่าไม่มีรุ่นก็ว่าได้ มีเพียงแบบพิมพ์ ที่ทุก ๆวันท่านก็สร้างเรื่อย ๆ นับวันนี้ก็กว่า 5-6 ล้านองค์แล้ว ท่านสร้างเองทุกขั้นตอนหมด คือสร้างกับมือทุกองค์

    พระท่านทุกองค์ก็มีพุทธคุณเช่นเดียวกัน ใช้ได้เหมือนกัน ดังนั้นการสะสมพระท่านผมเองดูว่าไม่ OK เท่าไร เพราะเจตนาท่านต้องการให้คนใช้มิใช่นำไปสะสม แต่ก็แล้วแต่นะครับ แล้วแต่จริต อย่างที่หลวงปู่ดู่ว่า " ให้ติดไปเถอะ ติดของดี ดีกว่าติดของเลว " (ก็เราติดเพื่อปล่อยในอนาคตนี่..... )
    ขอห้ามของผู้ที่ถือคล้องพระโดยทั่วไป

    ________________________________________

    "ข้อห้ามในการแขวนพระ" สิ่งสำคัญที่ควรศึกษา

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=68176

    แม้พระสูตรหลวงปู่ไม่มีขอห้ามอะไรมาก แทบจะไม่เคยได้ยินเลย แต่ผมว่าข้อความนี้มีประโยชน์มาก เอาเป็นว่า พระสูตรหลวงปู่นี้ แม้นคนชั่วเอาไปใช้ หากเป็นเรื่องดีท่านก็ช่วย เพราะพระท่านเป็นพระที่ช่วยปรับตัวคนใช้ ให้เกิดความละอายในความชั่วได้ด้วย ท่านจะค่อย ๆปรับทีละน้อยอย่างนุ่มนวล ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่บางทีหากดื้อมาก อาจเจอฤทธิ์บารมีของกงจักรจักรพรรดิสั่งสอนเอาได้ ไม่ตายครับ แค่สั่งสอน ในกฎแห่งกรรม ไม่ต้องกลัวครับ ก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ดี จะไม่ตีลูก ถ้าไม่ถึงที่สุด หรือเห็นว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ พ่อแม่ท่านใดมีลูกที่ดื้อ ๆ เอาพระสูตรหลวงปู่ไปใช้สิครับ .....


    1. พุทธคุณแห่งพระผงมหาจักรพรรดิ์สูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้า
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=66104

    2. ความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มีนาคม 2007
  7. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ผมจะหายไปสักช่วงหนึงนะครับนับจาก 2/3/50 เนื่องจากจะเดินทางจาริกบุญไปตามที่ต่างๆในหลายๆจังหวัดและขึ้นไปปฎิบัติธรรมกับหลวงตาม้าท่านที่เชียงใหม่แล้วเจอกันเมื่อผมกลับมาครับโมทนาบุญกันนะครับ

    (f) ธรรมรักษาครับ
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    ขออนุโมทนาครับ กำลังจะออกจาริกด้วยเช่นกัน ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. มาโนช

    มาโนช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +255
    ขออนุโมทนาด้วยครับ และถามคุณนิกว่าตอนสวดมนต์ผมจะสวดพระคาถาบท
    พระจักรพรรดิกี่จบครับ ขอความรู้หน่อยครับพึงเช่าพระบูชาไปที่บ้าน
    ขอบคุณมากครับ
     
  10. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    คาถาจักรพรรดิสวดได้ทุกเมื่อเป็นกระแสบุญอยู่ทุกขณะจิตที่ทรงคาถานี้สบายๆส่งผลให้จิตแช่มชื่นเบิกบานไปด้วยบุญ เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและภพภูมิรอบข้างเมื่อเราน้อมแผ่ไป

    (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มีนาคม 2007
  11. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,015
    สงสัยครับว่า ตอนอธิษฐานเห็นมีการกล่าวถึงท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 แต่ทำไมไม่กล่าวถึงพระอินทร์ครับ
     
  12. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,915
    ไม่กล่าวถึงหัวหน้าสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นเลยล่ะครับ 5555+:cool:
     
  13. สักกะ

    สักกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    3,405
    ค่าพลัง:
    +12,015
    ผมเข้าใจว่าพระอินทร์เป็นผู้ดูแลสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น แต่ไม่มีการกล่าวถึง จึงสงสัย ไม่ได้จะลบหลู่ดูหมิ่นคุณนิกหรือใคร เพราะผมก็ใช้บทอธิษฐานของคุณนิกอยู่ แต่ก็อดสงสัยอีกไม่ได้ว่า ที่คุณเขียนมานี่ต้องการประชดกันหรืออย่างไรขอรับ
     
  14. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542


    ข้อความที่กล่าวว่า...ขออัญเชิญเทพพรหมทุกชั้นฟ้ามหาสมุทร นี้ครอบคลุมหมดแล้วครับในการอัญเชิญมาทั้ง 3 ภพ 3 ภูมิ เทพพรหมทั้งหมด ไม่ว่าพระอินทร์ก็ดี พระพรหมก็ดี เทพพรหมทั้งหมดก็ดี...ส่วนที่กล่าวถึงท้าวจตุโกบาลทั้ง 4 นั้น เหตุเพราะว่าท่านเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดกับภูมิมนุษย์มีหน้าที่ในการดูแลสอดส่องช่วยเหลือมนุษย์ จึงกล่าวนามท่าน ​
     
  15. upsbay

    upsbay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +200
    เหรียญเปิดโลกใช้ได้เหมือนกันหรือเปล่าครับ
     
  16. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    ถ้าของหลวงปู่ดู่ทำคิดว่าน่าจะใช้ได้เหมือนกันครับ แต่หลวงปู่ดู่ท่านเอง
    ก็เน้นเรื่องพระผงมากกว่าในการนำไปใช้ตามสูตรท่าน พวกเหรียญโลหะ
    ต่างๆที่ทำในสมัยท่านเป็นที่ลูกศิษย์สร้างแล้วนำไปถวายให้ท่านปลุกเสกมากกว่า หลวงปู่ดู่ท่านจะเน้นสร้างพระผงครับ ท่านบอกว่าพระผงพุทธคุณ
    ลึกซึ่งเนื่องจากการสร้างหลายขั้นตอน อธิษฐานจิตหลายรอบและพระผง
    ในการสร้างนั้นยังใช้วิชาจักรพรรดิเดินวิชาในการสร้างพระผงโดยตรง
    (f)
     
  17. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    บอกบุญครับ

    <!-- / sig -->

    -----------------

    เวบไซต์ พุทธพรหมปัญโญ สำหรับผู้สนใจศึกษา,ฝึกสายเปิดโลกหลวงปู่ดู่
    www.luangpoodoo.bravehost.com

    ธรรมรักษาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 มีนาคม 2007
  18. kim_osk119

    kim_osk119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,598
    ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ที่ไปร่วมงานหล่อพระ

    วันนี้ได้รับพระผงจักรพรรดิ์ จากคุณนิก Wisdom ผมจะนำไปแจกต่อสำหรับคนที่ต้องการบูชาครับ


    ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2007
  19. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,915
    ขอถามหน่อยครับ
    "มาตาปิตุคุณัง วันทามิ" คือไหว้ พ่อ-แม่ รึเปล่าครับ?
    "พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ" ไหว้พระรัตนตรัยรึเปล่าครับ??

    แล้วก็เนื้อพระผม ตอนนี้เหมือนจะเป็นคล้ายๆหลุม กลมๆ เรียบสนิท หลุมในที่นี้ไม่ได้มีความลึกครับ เพียงแต่ว่า จากเดิมที่เคยมีเกล็ดพระธาตุอยู่ กลายเป็นเนื้อพระ เรียบสนิทครับ จะมีเป็นจุดๆ

    รบกวนด้วยครับ
     
  20. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    แล้วองค์นี้ล่ะครับ

    องค์นี้ใช้ปรับภพภูมิได้เหมือนกับพระผงจักรพรรดิไหมครับคุณ Wisdom
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00559.jpg
      DSC00559.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.1 KB
      เปิดดู:
      73

แชร์หน้านี้

Loading...