แก้กรรมเรื่องงาน ชาวยหน่อยคะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย 11540, 20 ตุลาคม 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,828
    ๖๒. คาถาเงินล้าน

    วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานีนั้น เมื่อสองปีก่อนหนังสือพิมพ์บ้านเมืองประเมินราคาสิ่งก่อสร้างว่า ต้องใช้เงินประมาณสี่พันล้านจึงจะสร้างได้ขนาดนี้ ถ้าถามว่าเอาเงินมาจากไหนมามากมายขนาดนี้ ก็เห็นทีต้องคุยกันยาวหน่อย... ตามที่หนังสือพิมพ์ก็ดี วิทยุ โทรทัศน์ก็ดี เรียกวัดนี้ว่าวัดพันล้านก็ไม่ได้เกินจริงเลย หากแต่เขาคำนวนราคาตามที่สายตาเห็น แต่เวลาสร้างจริง ๆ ราคาไม่ถึงนั้น ตัวอย่างเช่นศาลาสองไร่ สถาปนิกคำนวณ ๑๒๐ ล้านบาท หลวงพ่อเห็นว่าแพงไป ขอสร้างเองตามแบบฉบับของท่าน ปรากฏว่าใช้เงินแค่เจ็ดล้านกว่าก็สร้างสำเร็จ... เหตุเพราะปูนก็ดี เหล็กเส้นก็ดี หลวงพ่อสั่งตรงจากโรงงานทีละเป็นร้อย ๆ ตัน จึงได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด วัสดุก่อสร้างอื่นก็เช่นกัน และหลวงพ่อควบคุมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด โอกาสจะทุจริตเลยไม่มี ประหยัดไปได้มหาศาล ดังนั้น เมื่อสองปีก่อนหลวงพ่อแจ้งยอดการก่อสร้างว่า ใช้เงินไปประมาณยี่สิบห้าล้านบาทเท่านั้น... เงินสามร้อยกว่าล้าน ถ้าเป็นงบประมาณแผ่นดิน นับว่าเล็กน้อยเหลือเกิน แต่ถ้ามาคิดว่านี่เป็นเงินที่วัดต่างจังหวัดวัดหนึ่ง ใช้เป็นงบประมาณก่อสร้างเท่านั้น ก็ต้องคิดหนักเสียแล้ว ว่าเงินมหาศาลขนาดนั้น ต้องเกิดจากศรัทธาญาติโยมจำนวนมหึมาขนาดไหน อะไรเป็นเหตุให้หลวงพ่อมั่นใจ จนถึงกับกล้าเป็นหนี้เขาทีละห้า – หกล้าน ในการสั่งของล่วงหน้าแต่ละที...
    หลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่า เมื่อมาอยู่วัดท่าซุงใหม่ ๆ มีเงินติดย่ามมาร้อยเดียว “เงินร้อยสมัยปี ๒๕๑๑ มันหายากนะ...” ท่านใช้ คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมกับทำงานก่อสร้างไปเรื่อย มี “พระ” ท่านมาบอก คาถามหาลาภ ซึ่งทางวัดพนัญเชิงเขาเคยใช้ เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงองค์แรกใช้ภาวนาอยู่สามปี วัดนั้นจึงมีลาภมากมาจนทุกวันนี้ หลวงพ่อก็ว่าของท่านเรื่อยไป...
    มาปีหนึ่งกำลังบวงสรวงอยู่ “พระ” ท่านบอกคาถาอีกบทว่าเป็นคาถาเงินแสน พอหลวงพ่อใช้ดู ปีนั้นกฐินได้เงินแสนกว่า สมัยนั้นจะหาซักหมื่นยังยากเลย ปีถัดมา “พระ” ก็บอกอีกบท ว่าเป็น คาถาเงินล้าน ให้ว่าต่อเนื่องกับบทก่อน แล้วลงท้ายด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า ปรากฏว่าได้เงินเป็นล้านจริง ๆ และรายรับดีขึ้นทุกทาง จึงกล้าเป็นหนี้เขาทีละมาก ๆ
    ต่อมา หลวงพ่อรวบรวมคาถาต่าง ๆ เป็นบทเดียว พิมพ์แจกเป็นของขวัญปีใหม่ปี ๒๕๒๘ ท่านบอกว่า เป็นเพราะ “ท่านย่า” กับ “ท่านแม่” ไปช่วยขอความกรุณาจาก “พระ” ว่า ในปี ๒๕๒๘ นั้นสถานการณ์ด้านต่าง ๆ จะเครียดมาก ถ้าลูกหลานไม่มีความคล่องตัว ก็ช่วยเหลือหลวงพ่อได้ไม่เต็มที่ การก่อสร้างของวัดจะชะงักลง “พระ” ท่านจึงอนุญาตให้บอกคาถาเหล่านี้แก่ญาติโยมได้...
    “พระ”ท่านว่า คาถานี้ทุกคนต้องทำด้วยความเคารพ ถ้าไม่เคารพจะไม่มีผล คาถาว่าดังนี้
    นาสังสิโม
    พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ
    พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภวันตุ เม
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม
    มิเตพาหุหะติ
    พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
    วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
    วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ
    พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะฏิจฉามิ

    พออาตมาได้คาถามา ก็ท่องวันละ ๙ จบทุกวัน รู้สึกตัวเลยว่า รายรับ – รายจ่าย คล่องตัวมาก การส่งเสียให้น้องสาวสองคน หลานอีก ๑ คนเรียนนั้น รู้สึกไม่หนักใจ ปีนั้นน้องเรียนจบ ปีถัดมาอาตมาก็บวช คราวนี้เห็นผลของคาถาชัดมาก หลวงปู่มหาอำพันกล่าวว่า “คุณเป็นเนื้อนาบุญแล้วนี่ บุญใหญ่มาหนุน ลาภผลก็มากซิ...”
    หลวงพ่อสอนพระเวลาออกบิณฑบาตว่า ก่อนจะไปบิณฑบาตให้ทรงกำลังใจให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อผลใหญ่จะได้เกิดแก่ญาติโยมที่ให้การสงเคราะห์เรา อาตมาเล่นด้วยคาถาเงินล้านนี่แหละ แต่เพิ่มเป็นสามสิบจบ ว่าให้ช่ำปอดก่อน แล้วจึงออกบิณฑบาต ระหว่างเดินก็ว่าไปเรื่อยจนกว่าจะครบสามสิบ...
    อยู่มาวันหนึ่ง อาตมาตื่นตีสามตามปกติ ก็ว่าคาถาซะ ๑ จบก่อนจะไปสรงน้ำ ทำกรรมฐาน พอว่าจบลืมตาขึ้นมา ฟ้าสว่างโร่เลย...! คว้าบาตรออกบิณฑบาตแทบไม่ทัน เดินงงไปตลอดทาง เราไม่ได้หลับ สติไม่ขาดไม่เคลิ้ม อารมณ์ต่อเนื่องเป็นหนึ่งเดียว รู้ตัวตลอดเวลา ทำไมคาถาสั้น ๆ บทเดียวใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง...!
    รุ่งขึ้นลองดูอีกที คราวนี้ได้ตั้งสามจบแน่...! ตั้งแต่นั้นมา ทั้ง ๆ ที่บวชใหม่นั่นแหละ ลาภผลเงินทองไม่รู้ว่าไหลมาเทมาจากไหน รับกันไม่หวาดไม่ไหว ใครจะทำบุญสุนทานอะไร ร่วมกับเขาทุกรายการ รายการละไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ บาท ช่วยเป็นเจ้าภาพบวชพระ – บวชเณร เป็นว่าเล่น ถวายสังฆทานแทบทุกเดือน ใครเดือดร้อนเรื่องเงินละมาได้เลย...
    เงินมาเป็นเทออก ยิ่งเทก็ยิ่งมา อาตมาเพิ่มจากวันละสามสิบจบ เป็นวันละหนึ่งร้อยยี่สิบจบ เชื่อหรือไม่ว่า ให้ความคล่องตัวขนาดอาตมาขึ้นรถฟรีแทบทุกคัน คือ ถ้าเราไม่ยัดเยียดให้เขาจริง ๆ เขาก็ไม่รับ ขนาดพระกับพระนั่งไปด้วยกัน เขาเก็บค่ารถองค์อื่น เว้นอาตมาไว้องค์เดียว ยัดให้เขาก็ไม่รับ จะไปไหนแทบจะไม่ต้องพกเงินเลย...
    จากร้อยยี่สิบจบเพิ่มเป็นสามร้อยจบ คราวนี้อาหารการกินก็พลอยฟรีไปด้วย บางทีทนไม่ไหวบอกเขาว่า “อาตมามีเงินนะโยม” เขาก็บอกว่า “ผมถวายครับ” “หนูถวายเจ้าค่ะ” เคยทำสถิติจากอุทัยธานีมากรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ-กลับอุทัยธานี ระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ นั่งแท็กซี่อย่างเดียว ปรากฏว่าสิ้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามบาท...! สามบาทจริง ๆ...!
    พยายามจะใช้เงินให้หมดก็ไม่มีวันหมด ลองถึงขนาดสามทุ่มซื้อน้ำหวานถวายพระจนหมดตัว สี่ทุ่มเขาเรียกไปสวดศพรับเงินมาจนได้ จะไปธุดงค์เทกระเป๋าทำบุญเกลี้ยง ก็มีคนตามถวาย หมดเมื่อไรได้ทันที เขาถวายจนระอาใจ ต้องพกเงินไปธุดงค์ด้วย ทุเรศตัวเองชะมัดเลย...
    มาถึงตอนนี้ อาตมาหมดความสงสัยโดยสิ้นเชิง ของอะไรทำจริงย่อมได้ผลจริง หลวงปู่มหาอำพันท่านบอกว่า “เรื่องวัตถุทางโลก ผมไม่หนักใจเลย” ท่านพลางชี้ให้ดูอาหารที่มากมายจนล้นโต๊ะ กินไม่ไหวใช้ไม่หมด “ถ้าเรามีความเชื่อมั่นในอานุภาพพระรัตนตรัยจริง ๆ ต้องการอะไรก็ได้อย่างนั้น...”
    ครับ...หลวงปู่กล่าวชอบแล้วทุกประการ นอกจากจะได้แล้ว ยังได้มากเสียด้วย ใครจะคิดถึงว่าขนาดอยู่กลางป่ากลางดงยังกินไม่ไหว ใช้ไม่หมด สามารถเลี้ยงพระ-เณรจนอิ่มหนำ ซ้ำยังเหลือเผื่อหมาอีกเยอะแยะ คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นเป็นอัปปมาโณ หาประมาณมิได้จริง ๆ...!
    ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

    ๖๓. นอกข้อไม่เหนียว

    ธรรมดาของคนเรา ย่อมหวั่นเกรงภัยอันตราย ดังนั้น การแสวงหาสิ่งคุ้มครองตนเอง จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ในบรรดาเครื่องป้องกันตัวชนิดต่าง ๆ เครื่องรางของขลังมาเป็นอันดับหนึ่ง อะไรที่พกแล้วแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันเป็นหากันให้ควั่ก...
    คนไทยเราผูกพันกับเครื่องรางของขลัง และไสยเวทอาคมมาแต่ดึกดำบรรพ์ จะเห็นได้จากประวัติการต่อสู้เพื่อผืนแผ่นดินไทย ของบรรพบุรุษของเรา เกี่ยวพันกับสิ่งเหล่านี้มาตลอด อาจจะพูดได้ว่าไทยเราเป็นไทยอยู่ทุกวันนี้ ก็ด้วยสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจเหล่านี้เอง... จะไม่กล่าวถึงเกราะอ่อน หรือ กระจกกันกระสุนกันล่ะ มาว่าเฉพาะของขลังดีกว่า ของเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายประเภท คือ
    ๑. พระเครื่อง สร้างขึ้นโดยครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ผ่านการอธิฐานจิต เพื่อเป็นเครื่องคุ้มคอรงแก่ผู้ระลึกถึง ตัวอย่างเช่น พระรอด พระคง กริ่งคลองตะเคียน เป็นต้น
    ๒. เครื่องราง ประกอบขึ้นตามวิธีการที่โบราณาจารย์ท่านถ่ายทอดสืบต่อกันมา และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง เช่น ตะกรุด พิสมร ผ้ายันต์ เป็นต้น
    ๓. คาถา ถ้อยคำที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ปกป้องต่อผู้ท่องบ่นจริง ขอให้มีกำลังใจมั่นคงเท่านั้น เช่น หัวใจหนุมาน คาถามหาชาตรี คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า เป็นต้น รอยสักก็จัดอยู่พวกนี้
    ๔. ว่านยา พืชจากธรรมชาติต่าง ๆ ที่เคี้ยวกินแล้ว ทำให้เนื้อหนังคงทนต่ออาวุธ แต่จะอยู่ชั่วเบาคือ ถ้าปัสสาวะก็หมดฤทธิ์ เช่น ว่านสบู่เลือด ว่านคางคก ว่านสามพันตึง ว่านเฒ่าหนังแห้ง เป็นต้น
    ๕. ของวิเศษธรรมชาติ เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นเอง ใครมีบุญก็ได้ไป เช่น เหล็กไหล เพชรตาแมว คดไม้ เขี้ยวหมูตัน เขากวางคุด โป่งข่าม เม็ดขนุนทองแดง เป็นต้น
    ๖. ของที่เป็นไสยดำ เป็นพวกของสกปรกส่วนใหญ่ แต่คนถือมั่นก็คุ้มเขาได้ เช่น อีเป๋อ อิ้น งั่ง เป็นต้น ปกติแล้วคนทั่วไปไม่นิยม แค่ยึดถือกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ...ฯลฯ
    จากตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมด ของทุกอย่างล้วนมีจุดอ่อน มีวันดับ ของตนทั้งนั้น ถ้าหมดอายุขัยจริง ๆ ก็ช่วยไม่ได้ หรือ เขาหาของแก้ได้ ก็เสร็จเหมือนกัน ตัวอย่างคือ
    หลาวไม้ไผ่ กระสุนดิน เป็นของปราบเซียนชะงัดนัก เหนียวเท่าเหนียวก็ไปไม่รอด แม้แต่เหล็กไหลที่ว่าแน่ ๆ ถ้าโดนกดน้ำหรือรัดคอก็ไปไม่รอดเช่นกัน “หลวงพ่อ” เล่าว่า...
    มีอ้ายเสือรายหนึ่ง แขวนพระที่เหนียวสะเด็ดนัก ถูกตำรวจยิงตาย พอลากศพพ้นที่ตรงนั้นมานิดเดียว ยิงเท่าไรก็ไม่ออก ท่านว่าตรงนั้นเป็น “ที่ตาย” ของมันพอดี ของอะไรก็คุ้มไม่ได้ (พระที่เขาแขวนคือพระมเหศวรเศียรกลับ...)... น้าชายของหลวงพ่อเป็นตำรวจ ควงดาบฟันกับโจร ตั้งแต่เช้ายันเพลลายไปทั้งตัวไม่มีเข้า จังหวะหนึ่งเผลอยกมือขึ้นรับ โดนดาบมือแปไปเลยท่านว่า “นอกข้อไม่เหนียว”
    “นอกข้อ” คือ จากข้อมือข้อเท้าลงไป ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ของขลังทุกชนิดคุ้มไม่ได้ แรก ๆ อาตมาไม่เชื่อ พอเจอกับตัวเองหลายวาระเลยยอมรับว่า “นอกข้อไม่เหนียว” จริง ๆ โดนเมื่อไรได้เรื่องเมื่อนั้น...!
    อาตมาโดนหมาฟัดจนมือแปไปเกือบสี่เดือน เข้าแต่บริเวณฝ่ามือสิบเอ็ดเขี้ยวถ้วน ๆ จากข้อมือขึ้นมามีแต่รอยขีดนูน ๆ เท่านั้น ครั้งอื่น ๆ ก็เข้าตรงเอ็นร้อยหวายกับในฝ่ามือที่โดนกระชากปวดขัดไปเป็นสิบวัน แต่ไม่มีเข้า...
    ของเหล่านี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ แค่เล่าสู่กันฟังเท่านั้น ถ้าหากทางพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้ ก็ไม่ต้องหาของขลังกันให้เสียเวลา หรือท่านผู้อ่านว่าไม่จริง...!
    ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ʹյ
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,828


    กรรม ที่ทำให้มีเงินใช้ไม่รู้จักหมด เพราะได้ถวายทองเท่าปีกริ้นบูชาพระรัตนตรัย
     
  3. อิ๊ด

    อิ๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +553
    1.เริ่มงานใหม่เอง ไม่ต้องไปง้อสมัครที่ไหน
    2.ถือเป็นการพักผ่อน สบายดีไม่ต้องทำงาน
    3.ดูแลพ่อแม่ก็เป็นงาน ไม่ต้องลำบากสมัครงานที่ไหน
    4.เดี๋ยวงานก็เข้ามาเอง อยู่ที่ว่าจะเลือกงานหรือเปล่า
    5.ได้ปรับปรุงชีวิตตนเอง ได้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ เพราะมีเวลาให้ตัวเอง คนทำงานบางคนยังไม่มีเวลาทำเลย
    6.ได้เล่นเน็ตหาความรู้ทั้งวัน ฝึกภาษา ฝึกทำอาหารฝรั่ง มีอีกหลายอย่างที่คุณไม่เคยลอง
     
  4. อิ๊ด

    อิ๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +553
    7.บางทีฟ้าอยากให้คุณตกงานก็ได้ จะได้ทำข้อ 1-6 หรืออาจจะทำให้คุณคิด ข้อ 8 ข้อ 9 ได้อีก
     
  5. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,116
    ค่าพลัง:
    +3,086
    อิอิ เลียนแบบท่านอี๊ด

    ข้อ 7 บางทีฟ้าอยากให้คุณตกงานก็ได้ จะได้ทุกข์ จนเห็นทุกข์
     
  6. นายดอกบัว

    นายดอกบัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +5,678
    งานอะไรที่ไม่ผิดกดหมาย ทำแล้วได้เงิน ก็ทำไปเหอะ ทำให้หมด ขยันเท่านั้นไม่มีตกงาน อ่านหนังสือไป สวดมนต์ นั่งสมาธินั้นไม่ได้ทำให้ได้งาน แต่ทำให้จิตนิ่งไม่ฟุ้งซ่านขึ้น ไม่งั้นเราจะไม่มีสติ อาจคิดสั้นๆ จากนั้นให้รอคอยจังหวะ คนเรานั้นมีจังหวะชีวิตของตนเองครับ ตอนตกงานเมื่อว่าง ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็ทำ ถือเป็นการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ผมตกงาน 3 ปี แต่ 3 ปีผมใช้มันได้คุ้มและมีความสุขมาก แรกๆก็กังวล เครียดเหมือนคุณนี่แหละ ไปกราบขอพร ไม่ว่าจะเป็นพระหรืออะไรก็ตาม ไม่เคยได้ ทำเองเท่านั้น อย่าไปขอ ไม่ทำเองไม่มีทางได้ ที่เค้าเอาคาถาอะไรให้ท่องๆ จุดประสงค์จริงๆ คืออยากให้เรานิ่งๆ จะได้คิดอะไรได้ ไม่ใช่คาถานั้นมันทำให้รวย มันเกิดจากตัวเรา ทำไมต้องนั่งสมาธิ ก็เหมือนกัน มันจะทำให้เรานิ่ง เราจะมีเวลาให้คิด หันเรียนวิชาชีพอะไรที่มีโอกาสก็ทำไป ฝึกไป แล้วมันจะส่งไปถึงอนาคต
     
  7. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,888
    เงินจะมาเรื่อยๆ แต่เราต้องขยันหาลู่ทางด้วย

    เค้าให้โอกาส เราจะคว้าไว้ได้มากแค่ไหน


    ---------------------------------------

    ส่วน จขกท. ลองไปทำบุญถวายโลงศพ และปิดทองพระก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...