หลวงปู่ทิม อตฺตสนฺโต วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 8 ธันวาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. vesa

    vesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +106
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>deny
    ผู้เยี่ยมชม





    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Mon Mar 20, 2006 1:44 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>อย่าหาว่าผมเป็นโรคจิตเลยนะครับที่เข้ามาโพสท์บ่อยเหลือเกิน และผมก็ไม่ได้เป็นหน้าม้าของคุณsomboontiewด้วยนะครับ แต่พอได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องของผู้ที่เราชอบ เราเคารพ เราศรัทธา ก็เลยอยากจะคุยๆๆๆๆๆ พูดง่ายๆก็เหมือนมีเพื่อนคุยถูกคอนั่นแหล่ะครับ รถที่บ้านผมจะมีชานหมากของหลวงปู่ติดรถไว้ทุกคันครับ วิธีห้อยติดรถผมทำอย่างนี้ครับ (วิธีนี้จดทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วครับ แต่ถ้าศิษย์หลวงปู่จะนำไปใช้ไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ครับ) ทุกท่านเคยเห็นพระที่เขาให้บูชาใช้แขวนตรงกระจกมองหลังไหมครับ ที่มีแบบเป็นหลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช หลวงปู่ทวดฯลฯ ที่แขวนวัตถุมงคลเหล่านี้ข้างใต้จะมีกระดิ่งแล้วก็พู่สีแดงๆห้อยอยู่นึกออกมั้ยครับ(กระดิ่งที่เวลารถกระโดด หรือถ้าโดนลมจากช่องแอร์จะดังน่ารำคาญนั่นแหล่ะครับ) ผมก็จัดการถอดกระดิ่งนั่นออกแล้วเอาชานหมากของหลวงปู่ที่เลี่ยมสแตนเลสแล้วใส่เข้าไปแทน เพียงเท่านี้แหละครับความอุ่นใจก็จะอยู่กับเราตลอด ไม่ต้องกลัวชานหมากหล่นหาย ถ้าใครได้ชานหมากหลวงปู่มาแล้วเลี่ยมเลยที่แผงพระหน้าวัดเลยก็ดีนะครับราคาก็ไม่ได้สูงกว่าที่อื่นและบางร้านเค้าแถมรูปหลวงปู่ตัดเล็กๆใส่ไว้ในกรอบพร้อมกับชานหมากด้วยทำให้น่าเลื่อมใสมากขึ้น ผมไม่บอกแล้วกันว่ามีร้านไหนเดี๋ยวหาว่าได้ค่าโฆษณา ลองถามดูก่อนเลี่ยมนะครับว่าร้านนี้มีรูปหลวงปู่ใส่ให้ด้วยมั้ย. [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row1 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT>
    </TD><TD> </TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>พล ชลบุรี
    ผู้เยี่ยมชม





    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Tue Mar 21, 2006 12:30 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ประสบการณ์นี้ผมเจอมากับตัวผมเอง ทำให้ผมเคารพและศรัธาหลวงปู่มากมาก ผมเข้าเว็บนี้มาบ่อยแต่ไม่เคยกล้าเขียนวันนี้พักเที่ยงพอดีชอบใจกระทู้นี้มาก เพื่อนๆที่ทำงานก็สนใจ เรื่องก็คือชานหมากของหลวงปู่ทิม วัดพระขาวนั้นช่วยให้ผมรอดตายหรือเจ็บสาหัสจากคมเขี้ยวเจ้าสุนัขพันธ์ อาเชเซี่ยลที่ตลาดหนองมนมาแล้ว จนหมอที่โรงบาลไม่เชื่อว่าผมโดนสุนัขกัดมา ผมตกอยู่ในวงล้อมของสุนัขต่างชาติถึง3 ตัวแต่ผมไม่รู้ว่าอีก 2 ตัวเป็นพันธ์อะไร รู้แต่ตัวใหญ่เหมือนกัน นัวเนียอยู่ร่วม 10 นาที เห็นจะได้ ไม่ได้เลือดผมไปสักหยด มีแต่รอยเขี้ยวประมาณ 6-7ที่ ที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตผมมีชานหมาก หลวงปู่อยู่เพียงอย่างเดียว กราบเรียนมาด้วยความเคารพ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row2 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT>
    </TD><TD> </TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>deny
    ผู้เยี่ยมชม





    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Tue Mar 21, 2006 5:51 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เมื่อวานผมอ้างข้อมูลที่หลวงปู่เมตตาให้สัมภาษย์ในหนังสือพิมพ์คมชัดลึก(สำนักพิมพ์เนชั่นนำคำสัมภาษญ์ไปรวมเล่มใช้ชื่อหนังสือว่า"เกจิ พระดัง") ผมขอคัดลอกข้อความบางส่วนที่เกี่ยวกับชานหมากหลวงปู่มาลงในที่นี้เผื่อลูกศิษย์หลวงปู่บางท่านสนใจนะครับ(ขออนุญาตทางสำนักพิมพ์ผ่านทางเวปนะครับ เพื่อเป็นการเผยแพร่คุณงามความดีของพระอริยสงฆ์ครับ ขอบคุณครับ)
    ผู้ถาม--วัตถุมงคลหลวงปู่เน้นพุทธคุณด้านใดบ้าง
    หลวงปู่--ก็แล้วแต่เราจะทำ จะให้พุทธคุณเป็นอะไร เมตตาหรือคงกระพัน ที่ผ่านมาก็มี "ชานหมาก" ของอาตมาเอง ที่มีญาติโยมนำไปใช้แล้ว เขามีประสบการณ์กันมากทางด้านเมตตามหานิยม และแคล้วคลาดปลอดภัย ตอนนี้โด่งดังมากในประเทศสหรัฐอเมริกา

    ผู้ถาม--โอ้โห.. โด่งดังไปถึงอเมริกาโด่วงดังอย่างไรบ้าง
    หลวงปู่-- ชานหมากที่เห็นอยู่นี่ ก็เป็นลูกกลมๆธรรมดา เวลาอาตมาเคี้ยวหมากเสร็จ ก็จะคายออกมาจากปาก แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆเอาไว้แจกญาติโยมที่เดินทางมาหา บางคนเห็นคิดว่าเป็น เม็ดพุทรา ว่าใครคายทิ้งไว้ (หัวเราะ) บางคนเขาเอาไปวางไว้บนหน้ารถบริเวณพวงมาลัยรถคนที่นั่งไปด้วยไม่รู้ ก็บอกว่าใครกินพุทราแล้วทำไมไม่ทิ้งไป คนขับก็ไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นเองรถที่ขับอยู่นั้นก็หมุนติ้วเลย ที่เป็นเช่นนี้เหมือนไปลบหลู่ดูหมิ่นอะไรทำนองนั้น
    หรือบางทีมีเด็กกินข้าว แล้วเกิดติดคอ เขาก็เอา "ชานหมาก" ที่อาตมาให้ไปนั้น เอามาลูบที่คอเด็ก พร้อมอธิษฐานสักพัก ข้าวที่ติดคออยู่ก็หายไป ส่วนญาติโยมที่อยู่อเมริกาเอา "ชานหมาก" ไปแล้วอธิษฐานขอให้มีลูก เขาก็ได้ตามที่อธิษฐาน พอเขามาบอกอาตมา อาตมาก็เลยบอกว่า ถ้าลูกเกิดมาเป็นผู้ชายให้เรียก"นายหมาก" หากเป็นผู้หญิงให้เรียก "นางหมาก"บอกให้เป็นชื่อเล่น (หัวเราะ)

    ผู้ถาม--ก่อนที่หลวงปู่จะมอบ "ชานหมาก" ให้แก่ญาติโยม จะต้องทำการ"ปลุกเสก"ก่อนหรือเปล่า
    หลวงปู่--อาตมาก็ต้องปลุกเสกก่อนอย่างดี ถ้าไม่ดีจะได้ผลให้เห็นกันได้อย่างไร เวลาว่าง หรือแม้แต่ก่อนจะนอน ก็ปลุกเสกเหมือนกัน แต่ของทุกอย่างขึ้นอยู่ที่จิตใจ ต้องให้มีศีลธรรม ของดีจึงจะอยู่กับตัว....

    ผู้ถาม--อยากให้แนะนำถึงการใช้ "วัตถุมงคล"ถ้าจะใช้ให้ได้ผล จะต้องทำอย่างไรบ้าง
    หลวงปู่--จะนำไปใช้ให้ได้ผล ต้องอยู่ที่การอธิษฐานจิต แต่วัตถุมงคลทุกอย่างจะให้หยุด "การตาย" หรือให้คุ้มครอง "ไม่ให้ตาย" นั้นไม่มีไม่ว่าผู้นั้นจะใช้พระดีอย่างไร ก็ไม่สามารถคุ้มความตายได้เลยแม้แต่องค์เดียว
    ประโยชน์ของวัตถุมงคลต่างๆอาจใช้ให้"แคล้วคลาด" ได้หากคนเรายังไม่ถึงคราวตาย แต่จะให้รอดจากความตายไมมี จะหาอะไรมาคุ้มครองนั้นไม่มี คนเราเมื่อถึงคราวตาย ก็ต้องตายทุกคน เราสามารถดูได้จาก "พระพุทธเจ้า" ว่าท่านยังถึง "นิพพาน" เหมือนกัน...
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. vesa

    vesa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +106
    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>B
    ผู้เยี่ยมชม





    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Mar 22, 2006 9:06 am เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ผมก็มีความศรัทธาในองค์หลวงปู่ทิมมากครับ ท่านใจดี มีเมตตามากครับ สิ่งใดที่ท่านทำให้ได้แล้วไม่เคยขัดใจญาติโยมเลย
    ขออนุญาตเล่ายาวๆ นะครับ เพื่อบรรยายบรรยากาศ
    ไปกราบท่านเมื่อปี 40 (20 มกราคม 2541) ขอความเมตตาท่านจารพระผงสี่เหลี่ยมรูปเหมือนท่านเนื้อชานหมากให้ ตั้งใจจะเอาไปเลี่ยมทอง ท่านก็จารหมึกทองให้ด้วยตัว นะมหาเศรษฐี พอดีกับมี อาผู้ชายท่านหนึ่งนำรูป 1 นิ้วมาถวายท่านจำนวน 800 รูป (รูปนี้เป็นรูปครึ่งองค์หลวงปู่ คัดลอกจากรูปโปสการ์ด สรงน้ำ และยังเห็นท่านแจกอีกต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม 40) อาผู้ชายท่านนั้น ก็ขอคืนไป 9 รูป หลวงปู่เมตตาเขียนยันต์ให้หลังรูปทุกใบ และท่านก็แจกรูปท่านให้คนไปรอกราบท่านพร้อมกับชานหมากที่ท่านฉันและปั้นเป็นลูกอมก้อนขนาดหัวนิ้วมือ (ปัจจุบันนี้ปั้นก้อนเล็กมากครับ คาดว่าท่านคงเคี้ยวไม่ทัน ไม่พอแจก) ก่อนจะแจกท่านก็จับกล่องไม้รูปสามเหลี่ยมที่มีลูกอมชานหมากอยู่ประสิทธิประสาทให้อีกที ผมกับแฟนได้รับแจกรูปและชานหมากอย่างละ 4 ท่านเอ่ยปากบอกว่าให้ไปเลี่ยมขึ้นคอซะมีอะไรให้นึกถึงหลวงปู่ น้ำเสียงท่านนั้นผมยังจำได้แม้ขณะนี้ เลยเปลี่ยนใจเลยครับว่าของดีของวิเศษที่ท่านรับรองขนาดนี้ ดีแท้แน่นอน มีคุณค่าวิเศษที่สุด กลับมากรุงเทพเลยนำไปเลี่ยมทองรูปอยู่ด้านหน้าและชานหมากด้านหลัง นี่ก็คล้องติดคออยู่ครับ มีสลับบ้างครับกับเหรียญชนะจน หรือล็อคเก็ตยืน 90 ปีสีเขียวน้ำทะเลหลังชานหมาก สิงห์เงิน ตระกรุดทอง มีท่านอยู่กับตัวแล้วอุ่นใจสบายใจ
    ช่วงปี 40 ผมเรียนจบป.ตรีใหม่ๆ เพิ่งขับรถเป็น เวลาเสียวๆ ก็อาราธนาให้หลวงปู่ช่วยครับ เชื่อไหมครับแคล้วคลาดตลอด ไม่มีอุบัติเหตุเลยครับ
    เกือบลืม ผมได้ถ่ายรูปวันที่ 20 มกราคม 41 ด้วย ขณะที่ท่านอธิฐานจิตวัตถุมงคล ให้ญาติโยม ในภาพมีแสงประหลาดด้วยที่มุมซ้ายบนของรูป (กล้องฟิล์ม) ไม่ทราบว่าจะโพสต์รูปวิธีไหน
    ทุกวันนี้ ภาวนาคาถาท่าน สุโกปัญจะ นะชาลีติ 9 จบทุกวัน มีความคิดว่า เราระลึกถึงท่าน ท่านก็แผ่เมตตาให้เราได้ตลอดครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row1 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT>
    </TD><TD> </TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=top align=left width=150>deny
    ผู้เยี่ยมชม





    </TD><TD class=row2 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Mar 22, 2006 4:11 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เมื่อคืนก่อนนอนสวดมนต์เสร็จนึกถึงหลวงปู่ เลยนึกขึ้นได้ถึงวันแรกที่ไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่เคยบอกถึงวิธีใช้ชานหมากของหลวงปู่ (หลวงปู่บอกเองเลยนะครับ) เผื่อลูกศิษย์หลวงปู่ที่ไม่ทราบจะได้นำไปใช้ครับ วันนั้นหลวงปู่บอกว่า....
    "เวลาจะเข้าสอบ หรือเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ก่อนเข้าห้องสอบหรือก่อนเข้าห้องผู้ใหญ่ท่านนั้น ให้เคาะเบาๆ3ครั้งที่ประตู หลวงปู่ย้ำว่าเคาะเบาๆก่อนนะอย่าเคาะแรงเดี๋ยวเขาตกใจ(หลวงปู่หัวเราะ) คือเคาะเบาจริงๆพอเป็นเคล็ด แล้วให้นึกถึงหลวงปู่นะ...."
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=center align=left width=150>ขึ้นไปข้างบน</TD><TD class=row2 vAlign=bottom noWrap width="100%" height=28><TABLE height=18 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=18 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center noWrap><SCRIPT language=JavaScript type=text/javascript><!-- if ( navigator.userAgent.toLowerCase().indexOf('mozilla') != -1 && navigator.userAgent.indexOf('5.') == -1 && navigator.userAgent.indexOf('6.') == -1 ) document.write(' '); else document.write('</td><td> </td><td valign="top" nowrap="nowrap">


    '); //--></SCRIPT>
    </TD><TD> </TD><TD vAlign=top noWrap>


    <NOSCRIPT></NOSCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=spaceRow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=top align=left width=150>วุฒิกร



    เข้าร่วม: 21 Mar 2006
    ตอบ: 22

    </TD><TD class=row1 vAlign=top width="100%" height=28><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">[​IMG]ตอบเมื่อ: Wed Mar 22, 2006 10:42 pm เรื่อง: </TD><TD vAlign=top noWrap>[​IMG] </TD></TR><TR><TD colSpan=2><HR></TD></TR><TR><TD colSpan=2>ขอสนับสนุนอีกหนึ่งเสียงครับว่าชานหมากของหลวงปู่นี่แหละครับดีที่สุด มีค่าที่สุด หลายครั้งมีทุกข์ไปกราบขอความเมตตาหลวงปู่ให้ช่วยสงเคราะห์หลวงปู่จะหันไปหยิบชานหมากมาให้แล้วบอกให้อธิษฐานถึงหลวงปู่ให้ช่วยก็รอดมาได้ทุกครั้ง(แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาเรื่องที่ทุกข์ใจทั้งหลายไปเล่าให้ท่านฟังอีกแล้วครับไม่อยากให้หลวงปู่ทุกข์ใจไปกับเราด้วยเพราะเวลาหลวงปู่เห็นใครไม่สบายใจรู้สึกท่านจะเศร้าไปด้วยก็ด้วยความเมตตาไม่มีประมาณของท่านน่ะหล่ะครับ) ครั้งหนึ่งตกที่นั่งลำบากทางธุรกิจประมาณว่าไม่มีงานเข้าเลย เก็บเงินลูกค้าไม่ได้ จนนอนไม่หลับนั่งนึกๆถึงหลวงปู่ว่ามีอะไรให้นึกถึงท่าน ก็เลยหยิบชานหมากของหลวงปู่มาอธิษฐานให้หลวงปู่ช่วย ผลหรือครับ เช้าวันรุ่งขึ้นมีงานเข้ามาจ๊อบเดียวประมาณ300,000 บาท หักต้นทุนแล้วกำไรพอเลี้ยงธุรกิจไปได้ทั้งเดือนเลยครับ แถมด้วยลูกค้าที่เก็บเงินยากๆโทรมาตามให้ไปรับเช็คได้อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อสนิทใจเลยครับว่าหลวงปู่เมตตาช่วยผมไว้ ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นลูกๆหลานๆหลวงปู่ทุกท่านครับและหวังว่าเราจะช่วยกันสร้างสรร เว๊บไซด์ของหลวงปู่ให้เป็นสื่อกลางที่มีคุณภาพสำหรับผู้ที่เคารพรักหลวงปู่ของพวกเราทุกคนครับ [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    [​IMG]

    ในระหว่างที่หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดพิกุลนั้นได้มีชาวบ้านนำเอาศพคนตายมาฝากไว้ในกุฏิถึง ๒ ศพด้วยกัน ทำให้เกิดมีแนวกรรมฐานด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ พร้อมทั้งอาศัยหลักกรรมฐานด้วยตนเองอย่างถ่องแท้ พร้อมทั้งอาศัยหลักกรรมฐานที่ว่า "สามัญในลักษณะ"

    หมายความว่า ลักษณะที่เสมือนกันใน สังขารทั้งหลายทั้งปวง สิ่งนั้นก็คือ

    อนิจจัง ( ความไม่แน่นอนในสังขาร )

    ทุกข์ขัง (ความวุ่นวาย , ไม่สงบสุข ในสังขาร )

    อนัตตา (ความตาย , ไม่มีตัวตน )
    พยายามพิจารณาให้เป็นอารมณ์ โดยปฏิบัติด้วยตนเองและอาศัยศพที่ขึ้นอืดเน่าเฟียะ ที่มีอยู่เป็นเครื่องพิจารณาแทนอุปกรณ์การเรียน ทีแรกๆ ก็นึกหวาดกลัวอยู่บ้างเหมือนกัน เป็นของธรรมดา เมื่อพิจารณาจนเกิดความชินในศพทั้งสองนั้น ด้วยการพิจารณาอยู่ทุกคืน โดยเอาเทียนไขจุดตั้งไว้บนปากโลงศพ แล้วก็นั่งพิจารณาดูศพนั้นตามหลักของ พระพุทธศาสนาที่ว่า

    อนิจจัง - ทุกข์ขัง - อนัตตา

    นั่งพิจารณาอยู่จนดูเสมือนว่าศพนั้นได้ยิ้มและก็หัวเราะเล่นกับเรา เหมือนว่ามีบุญและวาสนามาในทางนี้ จึงทำให้ไม่กลัวต่อศพที่กำลังเน่าเฟะที่ขึ้นอืดอยู่ในโลงศพนั้น ทั้งๆที่ตัวของหลวงปู่ท่านเองก็ยังไม่มีครูหรืออาจารย์มาช่วยแนะแนวทาง หรือมาสั่งสอนให้ก่อนเลย หลวงปู่พยายามปฏิบัติ ด้วยตัวของหลวงปู่เอง ก่อนแท้ๆ เมื่อมีจิตใจเข้มแข็งพร้อมแล้ว หลวงปู่ก็แอบเข้าไปเจริญกรรมฐานอยู่ในป่าหลังวัดอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าพระที่เพิ่งบวชใหม่นี้ ยังไม่ได้พรรษาเลย จะสามารถประพฤติและปฏิบัติได้ถึงขนาดนี้

    หลวงปู่ท่านใช้หลักการปฏิบัติที่ว่า

    "ทำอะไรต้องทำให้จริงและต้องทำให้สำเร็จให้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะติดตัวเป็นนิสัย"

    [​IMG]

    คืนแห่งความทรงจำ ในคืนหนึ่งซึ่งมืดสนิทหลวงปู่ได้เข้าป่าหลังวัดพิกุล ซึ่งตอนนั้นถนนหนทางยังไม่มี จะเป็นป่าทึบไม่เตียนรื่นเหมือนปัจจุบันนี้หลวงปู่ท่านได้เข้าไปนั่งเจริญกรรมฐาน จนเวลากลางดึกสงัดแล้วก็เดินเข้ามานั่ง ในพระวิหารของ หลวงพ่อโส วัดพิกุล เป็นเวลาประมาณ ตี ๑ เศษ แล้วก็กลับมาจำวัดในกุฏิในคืนแห่งความทรงจำนี้ทำให้ได้แนวทางทางกรรมฐานไว้จิตใจ คือ ได้ความวิเวกและวังเวงอย่างที่สุด อันเป็นพื้นฐานเบื้องต้น ของแนวทางกรรมฐานของหลวงปู่ รวมระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดพิกุล อ.บางบาล นี้ เป็นเวลา ๑ พรรษา พอออกพรรษา หลวงปู่ก็ได้มาอยู่ยังวัดพระขาว เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒ สาเหตุที่มาพรรษาอยู๋ ณ วัดพระขาว ครั้งแรกนั้น ก็เพื่อจะให้ห่างบ้านเกิดเมืองนอนสักหน่อยซึ่งในขณะนั้น พระอาจารย์ติ่ง พุทฺธสิริ เป็นเจ้าอาวาสและอีกประการหนึ่ง ที่อยากจะมาอยู่ที่วัดพระขาวนี้เพราะในสมัยนั้น วัดพระขาวเป็นป่าทึบและก็มีกุฏิร้างอยู่กลางป่าทึบ ๑ หลัง ซึ่งเหมาะที่จะมาประพฤติและปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมาก ระยะแรกที่หลวงปู่ได้มาอยู่ในวัดพระขาว หลวงปู่มีความรู้สึกกลัวต่อสภาพและสิ่งแวดล้อมรอบๆ วัดนี้มากแม้แต่ศาลาการเปรียญก็ไม่ค่อยกล้าไป

    แต่ด้วยใจอันเด็ดเดี่ยวที่ปรารถนาจะหาธรรมะ เพื่อต้องการเจริญกรรมฐานเป็นที่ตั้งหลวงปู่มีความมานะและอุตสาหะ เพื่อที่จะฝึกจิตใจให้หายต่อความกลัวพวกผีปีศาจ อยากจะศึกษาว่า ผีมีจริงหรือไม่ โดยลงไปที่ศาลาในยามวิกาลเป็นขั้นแรกหลวงปู่ทดลองอยู่ ๓ คืน โดยไม่ให้ใครรู้ เพื่อที่จะค้นคว้าหาสาเหตุของธรรมชาติมนุษย์ที่มักจะกลัวกันนักกันหนาก็คือจำพวกผี-ปีศาจ ในระยะเวลาที่หลวงปู่แอบลงมาในยามวิกาลดึกๆดื่นๆ และเงียบสงัดนั้น ก็เพื่อที่จะสังเกต รูป-เสียง ว่าจะมีอะไรบ้าง ในยามวิกาลผลของการทดลองปรากฏว่า ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องของความน่ากลัวให้ปรากฏเห็นเลย ต่อจากั้นก็ลองไปเจริญกรรมฐานที่อุโบสถในยามวิกาลอีก ๓ คืน เหตุการณ์ปกติเหมือนเดิมไม่ปรากฏอะไรให้เห็นเลย ในที่สุดหลวงปู่ก็ไปอยู่ที่วัดร้างกลางป่าในเวลาดึกสงัด โดยไม่มีใครรู้เห็นอีก ๓ คืน จนพระในวัดทราบเรื่อง ก็เพราะเด็กวัดที่มาอยู่ด้วยตื่นขึ้นมาไม่เห็นหลวงปู่ ก็เกิดการกลัวตกใจร้องลั่น จนพระในวัดตกใจตื่น ลุกขึ้นมาค้นหาหลวงปู่ก็พบว่า หลวงปู่แอบไปอยู่ในป่าหลังวัดแต่ลำพง โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า

    "ถ้าใน ๓ คืนแรกมาอยู่ในกุฏิร้างกลางป่าช้านี้ ถ้าไม่มีอะไรเกิดเหตุบอกเพทภัย ก็จะจำพรรษาอยู่ในกุฏิร้างแห่งนี้ตลอดไปถ้าตัวหลวงปู่ไม่มีบุญบารมีพอล่ะก็ ขอให้มีอะไรมาดลใจหรือปรากฎเหตุการณ์อะไรๆ ให้ต้องอยู่ไม่ได้"

    นที่นี้ผลสุดท้ายก็เป็นอันว่า หลวงปู่ตกลงจำพรรษาอยู่ในกุฏิกลางป่านั้นเรื่อยมาโดยมีสภาพของกุฏิไม่น่าอยู่เลยหลังคาก็ผุรั่ว พื้นก็ผุพง เอาเสื่อเก่าๆ ของวัดที่ใช้รองศพ อาจารย์ทรัพย์ ซึ่งเป็นสมภารเก่าขอวัดพระขาวซึ่งมรณภาพแล้ว กลิ่นสาบเห็นสางยงติดอยู่มาปูลงนอน จนทายกเห็นความมานะ และความรักสันโดษของหลวงปู่ จึงได้ชักชวนชาวบ้านย่านใก้ลๆ วัดมาปรับปรุงกุฏิ ให้น่าอยู่อาศัยขึ้น โดยมี น้าโชติ,น้าเก๋,น้าฟู เป็นผู้นำปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม

    To be continued . . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,205
    เคยไปที่วัดท่านหลายครั้งเพื่อไปกราบท่านครับ แต่ได้กราบท่านเพียง 2 หรือ 3 ครั้ง จำไม่ได้ครับ ในงานกฐินที่วัดพระขาว 1 ครั้งหรือไงนี่ครับ และได้ไปกราบท่านที่วัดบางพระ เมื่อคราวท่านมาปลุกเสกหลวงพ่อเปิ่น (หลวงพี่ต้อยบอกว่าท่านจะมา) เมื่อประมาณซัก 3 ปี มาแล้ว ท่านเป็นพระที่มีเมตตามากจริง ๆ ครั้งหลังนี่ไปที่วัดท่านก็ไม่เจอครับ แต่ก็ไม่อยากรบกวนท่าน เพราะท่านอายุมากแล้ว
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    สาธุ อนุโมทนาครับ ^^

    หลายคนอยากกราบท่านมาก แต่ไปทีไรมักไม่เจอ ต้องอธิษฐานดีๆครับ
     
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,358
    [​IMG]

    ในระหว่างจำพรรษที่กุฏิกลางป่า หลวงปู่ก็ได้เริ่มนั่งเจริญกรรมฐานอย่างเอาจริงเอาจัง โดยพิจารณา "อัฐิกรรมฐาน" คือ พิจารณากระดูกเป็นอารมณ์จนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ขึ้นใจในกรรมฐานเท่าใดนัก

    อยู่มาคืนวันหนึ่ง เมื่หลวงปู่ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานเรียบร้อยดีแล้ว ก็เข้าจำวัดในกุฏิร้างกลางป่าในคืนนั้นหลวงปู่ก็เกิดนิมิตขึ้นอย่างประหลาดและอัศจรรย์มากคือในฝันว่าหลวงปู่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในป่าได้มี ชีปะขาว นุ่งขาว ห่มขาว มาจนถึงตัวด้านขวาแล้วในฝันนั้นชีปะขาวบอกว่า ท่านจะมาอยู่กุฏิกลางป่านี้ท่านต้องเปลี่ยนการเจริญกรรมฐานเสียใหม่ คือ

    "ท่านจะต้องพิจารณาถึงความตายให้เป็นอารมณ์ถึงจะอยู่ที่กุฏินี้ได้"

    ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็สะดุ้งตื่นทำให้มีกำลังใจไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย กลับรู้สึกทราบซึ้งในบุญวาสนาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยเหลือและช่วยแนะแนวทางให้ด้วยเหตุว่าวันข้างหน้าจะต้องมีเหตุการณ์ที่อันตราย

    และเป็นอุปสรรคต่อการเจริญกรรมฐานมาก ถ้าการเจริญกรรมฐาน แตกก็จะทำให้เสียผลที่ได้ปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นต่อมาเหตุการณ์ที่ชีปะขาวมาเข้าฝันในคืนนั้นก็

    เป็นจริงดังว่า คือ ในคืนต่อมาได้มีผู้นำเอาศพของชายผู้หนึ่งซึ่งถูกยิงตาย กำลังหามกันมาร่องแร่ง แล้วก็มาหยุดอยู่ข้างกุฏิร้างที่หลวงปู่อยู่ต่างก็เร่งรีบช่วยกันขุดหลุมเพื่อที่จะฝังศพของชายผู้นั้นอย่างฉับไว

    ซึ่งอยู่ใกล้กับกุฏิของหลวงปู่ ที่ใช้ปฏิบัติกรรมฐานอยู่เมื่อเสร็จแล้วก็รีบไป ภาพและเหตุการณ์ที่เห็นในคืนนั้น ทำให้จำวัดไม่หลับเแต่ มิใช่ว่าจะกลัว พยายามข่มใจให้อยู่ได้แล้วก็ยังหลับไม่ลงจนรุ่งสว่าง เพราะภาพนั้นติดตา จนเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าขืนจำวัดอยู่ ณ ที่นี้ ในไม่ช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาสืบรู้เข้ามาให้เป็นพยานสอบถามหาความแล้ว จะปฏิเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็นก็กระไรอยู่เพราะจะทำให้ผิดศีล จึงตัดสินใจออกจากกุฏิร้าง

    กลางป่าแห่งนั้น แล้วมุ่งหน้าไปจำวัดอยู่ยังวัดน้ำเต้ากับอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อสังข์ อยู่กับหลวงพ่อวัดน้ำเต้าประมาณ ๑ เดือน ในระหว่างที่อยู่กับหลวงพ่อสังข์นั้น หลวงพ่อสังข์ได้ไต่ถามถึงความเป็นมาของการปฏิบัติกรรมฐานที่ผ่านๆ มาอย่างไรบ้าง โดยตั้งคำถาม ถามหลวงปู่ก่อนว่า

    ถาม : การปฏิบัติธรรมกรรมฐานท่านั่งอย่างไร ทำอย่างไร
    ตอบ : นั่งท่าสมาธิ คือ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย

    ถาม : ท่านพิจารณาอะไร เป็นอารมณ์
    ตอบ : พิจารณา ถึง ความตายเป็นอารมณ์

    ถาม : ท่านบริกรรม ว่าอย่างไร

    ตอบ : บริกรรมว่า "มรณังภวิสติ" ซึ่งแปลความว่า ความตายจักมี ชีวิตินทรียัง อุปชิตชิตสติ ซึ่งแปลความว่า ชีวิตอินทรีย์ จะเข้าไปขาด


    เมื่อหลวงพ่อสังข์ ทราบเรื่องแล้ว หลวงพ่อสังข์ก็กล่าวชมเชยว่า ใช้ได้ทั้งๆที่ยังไม่มีใครสอนหรือต่อให้มากอน พร้อมทั้งพูดเสริมขึ้นอีกว่า

    "ฉันบวชให้คุณฉันได้บุญหลาย"

    ต่อจากนั้น หลวงปู่ก็ได้นั่งปุจฉา-วิสัชนาอยู่กับหลวงพ่อวัดน้ำเต้าอย่างใกล้ชิด และทราบซึ้งในธรรมะมาก นับว่าเป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ท่านได้รับรู้แนวทางการเจริญธรรมกรรมฐานอย่างจริงจังหลวงปู่มีเวลาอยู่เจริญกรรมฐานกับหลวงพ่อวัดน้ำเต้าอย่างใก้ลชิดเป็นเวลา ๑ เดือนเต็ม หลวงปู่ก็กราบขอลาหลวงพ่อสังข์กลับมาอยู่จำพรรษายังวัดพระขาวตามเดิม

    เมื่อหลวงปู่กลับมาอยู่กุฏิที่วัดพระขาวอย่างเดิมก็มีเหตุการณ์ให้ติดตาติดใจหลวงปู่หลายๆ อย่าง คือ คืนวันหนึ่งมีการเผาศพคุณวิเชียร ทรงเคารพ วันนั้น
    หลวงปู่ได้ขึ้นพิจารณาศพของคุณวิเชียร บนเชิงตะกอนเป็นนิมิตจนติดตา เนื่องจากศพที่เผานั้นไม่ยอมไหม้ไฟต้องนำเอาศพของคุณวิเชียรนั้นออกจากเชิงตะกอน

    แล้วนำศพนั้นมาหั่นเป็นท่อนๆ เสร็จแล้วจึงนำเอาชิ้นส่วนศพนั้นไปเผาไฟใหม่ถึงจะไหม้ ตอนหลังได้ทราบว่าศพนั้นถูกคุณทางไสยศาสตร์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นหลวงปู่ได้นำมาให้เกิดเป็นนิมิตเพื่อพิจารณาแนวทางกรรมฐานของการเจริญในเรื่อง "มรณานุสสติ" คือ พิจารณาศพที่ตายนั้นเป็นอารมณ์ พร้อมทำสมาธิอยู่ในกุฏิกลางป่า เมื่อได้อารมณ์สงบดีแล้ว จึงเข้าไปเดินจงกลมที่ในป่ายามดึกสงัดของคืนวันนั้น โดยอาศัยนิมิตของคุณวิเชียร ที่ตายนั้นเป็นอารมณ์ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในป่าหลังวัดนั้น โดยที่ไม่มีแสงไฟหรือแสงสว่างอะไรเลย นอกจากแสงดาวระยิบระยับเท่านั้น จนถึงเวลาอันสมควรแล้ว จึงได้ขึ้นมาบนกุฏิร้าง เพื่อกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลไปให้ยังผู้ตายมีคุณวิเชียรเป็นต้น แล้วจึงเข้าจำวัด ถึงกระนั้นจิตก็ยังไม่ยอมละจากกรรมฐานในขณะนั้นเองก็บังเกิดมหัศจรรยืขึ้นอย่างประหลาด คือ

    มีเสียงดัง ปัง! ปัง! ปัง! ขึ้นถึง ๓ ครั้ง คล้ายกับว่าเหมือนมีใครเอาท่อนไม้มาตีที่ระเบียงกุฏิร้างนั้น ทั้งๆที่รอบๆ กุฏิก็ไม่มีต้นไม้ หรือกิ่งไม้ใหญ่มาปกคลุมเลย


    หลวงปู่ไม่รู้สึกประหวั่นหรือกลัวเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากมีจิตใจที่ตั้งมั่นอยู่ในกรรมฐานทุกเวลา เหตุการณ์ที่ระทึกขวัญนี้ หลวงปู่สำนึกว่าคงเป็นคุณวิเชียรที่ตายนั้นมาแสดงอาเพศ เพื่อที่จะให้หลวงปู่มีจิตใจเจริญกรรมฐานได้สำเร็จลุล่วงด้วยดี สำหรับคุณวิเชียรที่ตายนั้นก็คงไปเกิดในที่ดีๆ ด้วยเช่นกัน หลวงปู่ท่านอธิบายว่า ผู้ที่เจริญกรรมฐานเพื่อจะให้พ้นทุกข์สำเร็จได้ จะต้องประสบกับเรื่องทำนองนี้เองเสมอๆ จนดูเสมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาจะต้องมาลองใจเราไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง...

    [​IMG]

    ระหว่างอยู่จำพรรษาที่กุฏิร้างกลางป่าทึบนั้น... ก็มีเหตุการณ์มหัศจรรย์และก็แปลกประหลาดอีก หลวงปู่ท่านจะเล่าให้เราฟังอีกดังนี้ วันหนึ่งซึ่งเป็นฤดูหนาว มีลมหนาวพัดโชยมาตลอดเวลา ในตอนเช้าหลวงปู่ได้ขึ้นมาฉันอาหารจากการบิณฑบาตเช้า ที่บนวัดเหมือนเช่นเคย เมื่อฉันอาหาร บิณฑบาตเสร็จแล้ว

    เวลาประมาณ ๑๐ นาฬิกา หลวงปู่ก็ได้เดินลงจากวัด เพื่อที่จะกลับไปยังกุฏิกลางป่าที่ใช้จำพรรษาอยู่นั้น พอหลวงปู่เดินมาจวนถึงกุฏิ ซึ่งสองข้างทางเป็นป่าละเมาะทั้งนั้น

    ก็ได้มี ตัวตะกวด ใหญ่มากตัวหนึ่ง สังเกตจากความยาววัดจดหางยาวหลายฟุต มีหลังกว้างมาก มันกำลังก้มลงกินน้ำในอ่างบันไดที่จะขึ้นกุฏิ เมื่อหลวงปู่เดินมาจนใกล้ เจ้าตะกวดตัวนั้นเมื่อเห็น หลวงปู่เข้า ก็ตกใจวิ่งพรวดออกไปเพื่อจะหนีเข้าป่า แล้วมันก็หยุดชูหัวขึ้นดูหลวงปู่ ต่อจากนั้นหลวงปู่ก็หยุดยืนสงบนิ่ง

    แล้วเพางมองไปยังเจ้าตะกวดนั้น พร้อมทั้งปล่อยจิตให้ว่างเปล่าทันที เป็นการแผ่เมตตาไปยังสัตว์นั้น ทันใดนั้นแทนที่เจ้าตะกวดอันแสนเปรียวนี้จะหนีต่อไป

    แต่เหตุกาณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ มันหันหลังกลบมาถึงเท้าของหลวงปู่ซึ่งยืนอยู่ หลวงปู่เห็นเช่นนั้นก็เลยปล่อยจิตให้ว่างเปล่า พร้อมทั้งเจริญเมตตาต่อสัตว์ นั้น

    โดยกำหนดจิตว่า

    "สุดแท้แต่ ท่านจะกัดหรือจะขบเราก็ตามใจชอบเถิด"

    เท่านั้นเอง เจ้าตะกวดใหญ่ตัวนั้น กลับแลบลิ้นเลียอยู่ที่ฝ่าเท้าของหลวงปู่สักครู่หนึ่งแล้วมันก็ค่อยๆ หันหลังตลานอย่างแช่มช้า แล้วหายเข้าป่าละเมาะไปอย่างแปลกประหลาดที่สุด เพราะเจ้าสัตว์นี้ น้อยนักที่จักเข้าใกล้คนมนมักจะเผ่นหนีอย่างไม่คิดชีวิตทีเดียว หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังอีกว่าบางคืนดึกๆ ดื่นๆ ระหว่างที่นั่งเจริญกรรมฐานนั้น มีงู มีตะขาบ เลื้อยขึ้นมาบนตักบ่อยๆ จะเป็นงูพิษหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะมืดมองไม่เห็นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เจ็บปวดเลย นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ยิ่ง

    To be continued . . .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...