หลวงพ่อสำเร็จศักดิสิทธิ / ปิงคิยานีพราหมณ์ l "อุบาสก ผู้เผยแผ่ธรรมในวัชชี"

ในห้อง 'ประวัติและนิทานธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ตามรอยธุดงค์ล้านนา หลวงปู่จาม มหาปุญโญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม พระเกจิจังหวัด มุกดาหาร

    AKedOLQaFm03SVVCw_kJDe_KM8VUbaEp2Zgu8fYfJFf6=s48-c-k-c0x00ffffff-no-rj.jpg
    ลุงนิรนามเล่าเรื่อง

    Aug 23, 2021
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    อาถรรพ์ น้ำมันเสือสมิง ลี้ลับป่าสาละวิน

    ๒๒๐ .กรรมเก่าของผีโพง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert

    Aug 25, 2021
    เรื่องราวกรรมเก่าที่น่าพิศวงของคนที่เกิดเป็นผีโพง...

     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    อัศจรรย์! เหล่าเทวดาร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะเดือ"

    VIVECK STATION
    Aug 19, 2021
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    lpnongwatclongmadun.jpg
    ประว้ติพระอธิการโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ
    (โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ)
    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ
    เกิด พ.ศ. 2408
    มรณภาพ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2477
    อายุ 69
    อุปสมบท พ.ศ. 2432
    พรรษา 45
    วัด วัดคลองมะดัน
    จังหวัด สุพรรณบุรี
    สังกัด มหานิกาย
    ตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดคลองมะดัน


    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ (พ.ศ. 240825 ธันวาคม พ.ศ. 2477) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี
    ประวัติ
    หลวงพ่อโหน่ง อินฺทสุวณฺโณ ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2408 ตรงกับปลายรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นชางตำบลบ้านตาล อำเภอสองพี่น้อง เป็นบุตรของนายโต และนางจ้อย มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ท่านเป็นคนที่ 2 อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2432 ณ วัดสองพี่น้อง โดยมีพระอาจารย์จันทร์ วัดทุ่งคอก เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ดิษฐ์และพระอธิการสุด เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ ตามลำดับ ตั้งแต่บวชมา ท่านไม่เคยฉันเนื้อสัตว์เลย เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งคอก 2 พรรษา วัดสองพี่น้อง 7 พรรษา จากนั้นก็มาจำพรรษาอยู่ที่วัดใหม่อัมพวัน (วัดคลองมะดัน) ตลอดมา ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่อัมพวัน ท่านได้ทำนุบำรุงวัดจนรุ่งเรือง หลวงพ่อท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2477 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รวมสิริอายุได้ 69 ปี นับพรรษาได้ 45 พรรษา
    :- https://th.wikipedia.org/wiki/หลวงพ่อโหน่ง_อินฺทสุวณฺโณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2022
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    อิทธิฤทธิ์ฤาษี พลังจิตภิกษุ

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    Aug 24, 2021
    อิทธิฤทธิ์ฤาษี - พลังจิตภิกษุ เป็นเรื่องเล่าที่กล่าวถึงความลี้ลับในพงไพร ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อจี้กง เหตุที่ท่านมีชื่อนี้มาจาก ท่านมีพฤติการณ์โลดโผน แปลกประหลาดเหมือนพระอรหันต์จี้กง และท่านมีจิตใจเบิกบานเสมอ พูดอะไรไป2-3วัน ก็เป็นอย่างที่พูด รวมถึงแนวทางปฏิบัติเพื่อแสวงหาความหลุดพ้น และเรื่องราวสหายธรรมนามว่าฤาษีคำกาจ ซึ่งมีฤทธิ์อภิญญามาก และได้เร่งความเพียรเพื่อเข้าถึงความเป็นอมตะ

     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    บึงผีพญางู ลี้ลับป่าสาละวิน

    ๒๒๑. ปีศาจบนดอยสูง ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Sep 2, 2021
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ๒๒๒.ถ้ำสามผี ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    68,116 viewsSep 5, 2021

    พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทยเดินธุดงค์จาริกไปยังถ้ำสามผีที่ลี้ลับบนดอยสูง เขตรัฐฉานเหนือ
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ประวัติและปฏิปทา พระเทพสุทธาจารย์ (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน) วัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร อ.ปากช่อง จ.ครราชสีมา
    .jpg
    หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน วัดวชิราลงกรณวราราม

    จริยนิสัย ตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาส (สมัยเด็ก) เรื่อยมาจนได้บวชเข้ามาในบวรพุทธศาสนา ปฏิปทาก็ไม่เคยเสื่อมคลาย ยังรักษาอยู่เหมือนเดิม ทั้งในที่ชุมชนหรือในกุฏิวัดของท่าน

    การกระทําบําเพ็ญตน สมควรแก่การนํามาเป็นเยี่ยงอย่างอันดีงาม ของอนุชนต่อไป ท่านผู้ ปฏิบัติตนในเพศสมณะ อันอุดมนี้คือ หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านเคยกล่าวถึงเสมอๆ เมื่อครั้งที่ท่านยังดํารงชีพอยู่ หลวงปู่โชติ องค์เดียว ที่หลวงปู่ดูลย์ให้ความรัก และเมตตาตั้งแต่สมัยเป็นเด็กน้อย แบกของเดินตามหลัง เข้า เพ็ญสมณธรรม”

    ย้อนภาพอดีตครั้งเมื่อหลายๆ สิบปีที่ผ่านมา ก่อนโน้น หลวงปู่ดูลย์ ในฐานะพระธุดงคกรรมฐานเต็มองค์ เดินธุดงค์โปรดบรรดาญาติโยมในถิ่นบ้านเกิดของท่าน คือจังหวัดสุรินทร์

    ในครั้งนั้น ได้มีอุบาสิกาที่เคร่งครัด ศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาคนหนึ่ง ชื่ออุบาสิกา เหรียญ เมืองไทย อุบาสิกาท่านนี้ ไม่เคยขาดการมาฟังพระธรรม เทศนา และอบรมธรรม กับหลวงปู่ดูลย์เลยสักวันเดียว

    และในทุกครั้งที่มาสํานัก ที่หลวงปู่อยู่บําเพ็ญสมณธรรม อุบาสิกาเหรียญ จะต้องนําบุตรชายของตน ชื่อ เด็กชายโชติ เมืองไทย มาด้วยทุกครั้ง

    การมาวัด ได้อยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์ทุกวัน ๆ ยิ่งนานวันเข้า ก็คิดไม่กลับบ้าน อยากอยู่ กับ หลวงปู่ดูลย์เพื่อปรนนิบัติรับใช้ครูบาอาจารย์

    ปกติแล้ว เด็กชายโชติ มีนิสัยรักความสงบ ใจบุญสุนทาน เรียบร้อยด้วยวาจามารยาท สิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเด็กชายโชติ ที่ยังไม่เปิดเผยแก่ใครๆรู้ คือ การที่ตนระลึกชาติได้อย่างแม่นยำ ในอดีตที่ผ่านมา

    ความอันลึกลับ จําอดีตชาติได้นี้เอง ทําให้ผู้เป็นเจ้าของสังขาร เป็นผู้หมดบาปกรรม ไม่กล้าก่อเวรอีกต่อไป ซึ่งก็นับว่า เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่กําลังสิ้นเวรกรรม ในชาติปัจจุบัน

    แต่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ และสงสัย อยากรู้อยากเห็น หรือจะพูดว่า ผู้คนจํานวนล้านคน จะมีผู้ไม่สงสัยเลย ไม่เกิน ๑ คน ในเรื่องเช่นนี้ ผู้ยังมีความสงสัยอยู่นั้น จงเข้าใจได้เลยว่า ยังเป็น ผู้ไม่สิ้นกรรม ยังจะสร้างกรรมต่อไปอีกนาน เพราะอวิชชาบัง จิตใจไว้นั้นเอง…

    นามเดิมของท่านชื่อ โชติ เมืองไทย เกิด ณ บ้านกะทบ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์

    ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของ นายแป๊ะ เมืองไทย และ นาง เหรียญ เมืองไทย และก่อนเกิดมา มารดาของหลวงปู่โชติ แพ้ท้องเหมือนสตรีที่ตั้งครรภ์ทั่วๆ ไปเหมือนกัน แต่ว่าแปลก แตกต่างกันมาก ดังกับฟ้าดิน ซึ่งปกติโดยทั่วไป คนตั้งครรภ์ มักจะชอบกินเปรี้ยว กินหวานมันเค็ม จุกจิกต่าง ๆ

    ส่วนนางเหรียญมิได้เป็นเช่นนั้น อาการแพ้ท้องในครั้งนี้ อยากทําบุญสุนทาน ถือศีล บำเพ็ญภาวนา เข้านมัสการครูบาอาจารย์ ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันๆ

    ชีวิตในเยาว์วัยของเด็กชายโชติ ก็ไม่ได้โลดโผนโจนทะยาน เหมือนเด็กๆอื่น เขาชอบเก็บตัวเงียบสงบ กิริยามารยาทเรียบร้อย มีใจที่โน้มเอียงไปทางธรรมะมากที่สุด


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2023
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    (cont.)
    และปกติแล้ว นางเหรียญ ผู้มารดาก็ชอบทําความสงบ บําเพ็ญคุณงามความดี ฟังธรรมอบรมธรรม กับครูบาอาจารย์อยู่เป็นนิตย์ และได้นําเด็กชายโชติ เมืองไทย ซึ่งบัดนี้มีอายุได้ ๑๒ ปี แล้ว ติดตามมาวัดป่า ฟังธรรมด้วย

    การมาอยู่ใกล้กับพระภิกษุสงฆ์นี้ เป็นเหตุให้เด็กชายโชติ ไม่อยากกลับบ้านเสียแล้ว เพราะ การที่ได้มาอยู่วัดนั้นเป็นนิสัยที่ตนรักปรารถนาอยู่มาก นอกจากความสงบเงียบแล้ว ก็ยังได้ประพฤติ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุยังน้อยนั้นด้วย

    ต่อมา นางเหรียญ ผู้เป็นมารดา ได้ถวายบุตรชายของตนแก่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล เสียเลยเมื่ออายุอันควรที่จะบวชเรียนได้แล้ว หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้บรรพชาให้สามเณรโชติ เมืองไทย ซึ่งเป็นคนแรกเลยทีเดียว

    สามเณรโชติ เป็นคนที่มีความเคารพ กตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ มีความขยันขันแข็งเรียบร้อย ว่าง่ายสอนง่าย เป็นที่รักเอ็นดูของ หลวงปู่ดูลย์ เป็นอันมาก

    สามเณรโชติ ท่านได้อยู่ปฏิบัติธรรม กับหลวงปู่ดูลย์ ออกติดตามหลวงปู่ดูลย์ เดินธุดงคกรรมฐาน ในที่ต่างๆ มาโดยตลอด ความรู้ความก้าวหน้าทางด้านจิตใจมีมาก แก่กล้าขึ้นโดยลําดับ

    การเดินธุดงค์ สามเณรโชติ ได้ติดตามหลวงปู่ดูลย์ ไปทางเขาพระวิหาร เข้าประเทศเขมร ไปปักกลดอยู่ท่ามกลาง ดงเสือ ช้าง หมีชุกชุมมาก ชาวสุรินทร์เอง เวลาไปคล้องช้าง ก็จะต้องเดินไปทางนี้ เพราะมีช้างมาก

    ณ เส้นทางนี้เอง หลวงปู่โชติ ท่านเล่าเหตุการณ์สมัยเป็นสามเณร ได้ติดตามไปกับพระอาจารย์ของท่าน หลวงปู่ดูลย์ ถูกควายป่า วิ่งเข้าชนข้างหลัง ขวิดหลวงปู่กลิ้งไปมาจนจีวรขาดรุ่งริ่งไปหมด แต่ตัวของหลวงปู่ดูลย์ ไม่เป็นอะไรเลยอย่างน่าอัศจรรย์

    ต่อมาหลวงปู่ดูลย์ ได้นําตัวของสามเณรโชติ มาฝากไว้ที่วัดสุทธจินดา จ.นครราชสีมา เพื่อ ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดนี้

    เมื่ออายุครบบวช ท่านได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ณ วัดสุทธจินดา ได้รับฉายาว่า “คุณ สัมปันโน

    หลวงปู่โชติ ได้รับสมณศักดิ์ และตําแหน่งต่างๆ จากพระสมุห์ มหา พระครู พระธรรมฐิติญาณ พระราชสุทธาจารย์ ในตําแหน่งสูงสุดของท่านได้เป็น พระเทพสุทธาจารย์

    การปฏิบัติธรรมนั้น หลวงปู่โชติ มีความแก่กล้ามั่นคงใน ธรรมปฏิบัติ เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง

    และด้วยปฏิปทาอันบริสุทธิ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ของหลวงปู่เองประกอบกับวาสนาบารมี ท่านจึงได้รับเลือกนิมนต์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นองค์แรก (หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ท่านเป็นพระอริยเจ้า ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ดําเนินตามธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ ผู้สืบมรดกธรรม ซึ่งมีหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ไว้อย่างมั่นแม่น ไม่ลืมเลือน

    จริยวัตรของ หลวงปู่โชติ เป็นความปกติของจิต ไม่มีการเสแสร้ง เคร่งขรึมด้วยจริตตึงเปรี้ยะ จนเกือบขาด

    แต่ความปกติของท่านนั้น เป็นความจริงที่ได้รับการอบรมบ่มนิสัยมาดีงามแล้ว เป็นความพอ ดีของพระอริยเจ้าพระองค์นี้

    เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านได้อาพาธด้วยโรคดีซ่าน แล้วเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงรับไว้เป็นคนไข้ของพระองค์ จวบจนถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๑๗
    :- https://www.108prageji.com/หลวงปู่โชติ-คุณสัมปันโน/
     
  11. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    อภินิหาร ผ้ายันต์วิเศษ

    thamnu onprasert
    Sep 7, 2021

    เรื่องราวน่าอัศจรรย์ของผ้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์

     
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    lpchamwatchalongpuket.jpg
    ประวัติหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต พระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ (วัดไชยธาราราม)

    ประวัติของหลวงพ่อแช่ม ในช่วงที่เกิดและก่อนอุปสมบทนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีรายละเอียด เรื่องราวของท่านมักจะปรากฏในทางอภินิหาร หรือความศักดิ์สิทธิ์มากกว่า ในหนังสือ “นิทานโบราณคดี” พระนิพนธ์ในสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ไว้ว่า


    พระครูวัดฉลอง (หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๓๗๐ ตรงกับรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ที่ ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ต่อมาครอบครัวอพยพหนีภัยพม่า มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านฉลอง จ.ภูเก็ต พ่อแม่ส่งท่านไปเป็นลูกศิษย์วัดฉลอง ขณะนั้นมี พ่อท่านเฒ่า เป็นเจ้าอาวาส พอโตขึ้นท่านได้บวชเณร และเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ จึงบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ จำพรรษาที่วัดฉลอง ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ จากพ่อท่านเฒ่า จนเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน มีสมาธิจิตสูง รวมทั้งได้ศึกษาวิชาคาถาอาคมต่างๆ วิชาแพทย์แผนโบราณ


    หลวงพ่อแช่มเป็นผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้านโดยทั่วไป พ.ศ.๒๓๙๓ พ่อท่านเฒ่ามรณภาพ หลวงพ่อแช่มได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน นับว่าเป็นเจ้าอาวาสที่มีอายุน้อยมาก เพียง ๒๓ ปีเท่านั้นเอง


    LpChamWatChalong1.jpg
    รูปเหมือน หลวงพ่อแช่ม, หลวงพ่อช่วง, หลวงพ่อเกลื้อม ภายในวัดฉลอง หรือ (วัดไชยธาราราม)


    จนเมื่อเกิดกบฏอั้งยี่ พ.ศ.๒๔๑๙ ท่านได้เป็นผู้นำในการปราบพวกอั้งยี่ได้ราบคาบ ทำให้เป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างไกล จนได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พัดยศจากในหลวง รัชกาลที่ ๕ โดยตรง และจากการที่ได้เข้าเฝ้าล้นเกล้าฯ ร.๕ นี้เอง ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า “พ่อท่านสมเด็จเจ้า” หมายถึง ตำแหน่งที่เจ้า (ในหลวง) พระราชทานให้โดยตรง พัดยศที่ได้รับพระราชทานก็เป็นพัดยศพิเศษ ไม่เหมือนที่ใดมาก่อนเลย นับเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจยิ่ง


    หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๔๕๑ สิริรวมอายุ ๘๑ ปี พรรษา ๖๑ นับถึงปีนี้ครบรอบ ๑๐๐ ปีพอดี แม้หลวงพ่อแช่มท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่ความทรงจำในเกียรติคุณและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ยังคงมีอยู่อย่างมั่นคงในความจิตใจของชาวเมืองภูเก็ต และชาวไทยทั่วประเทศ
    :- https://www.tumsrivichai.com/_m/article/content/content.php?aid=538683228
     
  13. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    1310260554.jpg
    พระเครื่อง หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง

    ในส่วนของวัตถุมงคลของหลวงพ่อแช่ม สมัยที่ท่านยังชีวิตอยู่ก็มีเพียงผ้าประเจียด ที่ทำขึ้นอย่างง่าย แล้วปลุกเสกด้วยความตั้งใจจริง จึงมีความขลังและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของวัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มที่เป็นรูปเหมือนบูชา เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง พระผง ฯลฯ ได้มีการจัดสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ๒๔๗๑ คือหลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว ๒๐ ปี เป็นการจัดสร้างโดยวัดฉลอง และวัดอื่นๆ ที่ได้อาศัยบารมีของท่านตลอดมา จนทำให้วัตถุมงคลหลวงพ่อแช่มมีอยู่จำนวนมากมายหลายรุ่น ซึ่งล้วนแต่มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเมตตามหานิยม อุดมโชคโภคทรัพย์ แคล้วคลาดปลอดภัย รวมทั้งด้านป้องกันคุณไสยสิ่งจัญไรต่างๆ ได้เป็นอย่างดียิ่ง

    ในโอกาสครบรอบ ๑๐๐ ปี แห่งวันละสังขารของ หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ในปี ๒๕๕๑ นี้ ชัยนฤทธิ์ พันธุ์ทอง และทีมงานนิตยสาร “พระเครื่องล้ำค่า” จึงได้จัดพิมพ์หนังสือประวัติ หลวงพ่อแช่ม ฉบับสมบูรณ์ขึ้น เป็นหนังสือปกแข็งขนาดมาตรฐาน หนา ๓๑๘ หน้า พิมพ์สี่สี ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดีทั้งเล่ม โดยได้บรรจุเรื่องราวต่างๆ อันน่าสนใจไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องของ ประวัติหลวงพ่อแช่ม ประสบการณ์อภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เลื่องลือกันมาช้านาน

    และที่สำคัญคือ ประวัติการสร้าง เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง รุ่นต่างๆ รวมทั้งวัตถุมงคลอื่นๆ ไว้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่มีการจัดพิมพ์ หนังสือประวัติหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง มาก่อนหน้านี้

    LpChamWatChalong2.jpg
    กุฏิจำลองพ่อท่านสมเด็จเจ้า(หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง)

    ชัยนฤทธิ์ กล่าวว่า จากการที่ได้เช่าบูชา พระเครื่อง พระหลวงพ่อแช่ม วัดฉลองทำให้ทราบถึงอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน และเมื่อได้อ่านประวัติอย่างละเอียดแล้ว ยิ่งประทับใจในเกียรติคุณของท่านมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจให้มีการจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพื่อเผยแพร่เกียรติประวัติและคุณความดีต่างๆ ที่หลวงพ่อได้ทำไว้ให้กับแผ่นดิน อันจะได้เป็นเยี่ยงอย่างที่อนุชนคนรุ่นต่อไปได้พึงยึดถือไว้เพื่อปฏิบัติตาม ในส่วนของนักสะสมพระเครื่อง ก็จะได้ใช้เป็นคู่เมืองในการเช่าหาพระหลวงพ่อแช่มได้อย่างถูกต้อง เพราะมีข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาพวัตถุมงคลทุกภาพในหนังสือเล่มนี้ได้มีการคัดเลือก ตรวจสอบมาแล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงล้วนเป็น ของแท้ ที่สามารถยึดถือเป็นแนวทางในการสะสมพระหลวงพ่อแช่ม วัดฉลองได้เป็นอย่างดีที่สุด


    แล่ม จันท์พิศาโล ที่มา...หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
     
  14. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ลูกทิ้ง บรรลุธรรม

    thamnu onprasert
    Sep 12, 2021
    แม่ผู้ชรา ถูกลูกชายหญิงคนทอดทิ้งให้เป็นคนอนาถา แม่จึงไปพึ่งพระพุทธเจ้า และได้บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์พ้นทุกข์ได้ในที่สุด
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    ๒๒๓. น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ธุดงค์ป่ารัฐฉาน

    thamnu onprasert
    Sep 14, 2021
    พระภิกษุหนุ่มจากเมืองไทย อธิษฐานภาวนาเสกน้ำมนต์ช่วยชีวิตหญิงคลอดลูกยากให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์

     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    การเผยแพร่ธรรมะแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

    สารคดี วัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อ
    Aug 18, 2021
    เรื่องเล่าที่กล่าวถึง หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่ท่านต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ในการเผยแพร่ธรรมะ
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    maecheeboonreuntongboonterm.jpg
    ประวัติและปฏิปทา
    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


    วัดอาวุธวิกสิตาราม (วัดบางพลัดนอก)
    แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร


    (๑) คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    อุบาสิกาผู้มีพลังจิตมหัศจรรย์

    (๒) เกร็ดประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    จากหนังสือคนเหนือโลก โดย อนามิส พ.ศ. ๒๕๑๙

    (๓) เกร็ดประวัติคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม
    จากประวัติของหลวงตาไสว สิวญาโณ
    ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่บุญเรือนและท่านพุทธทาส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2023
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    (ต่อ)
    khunmaeboonreung.jpg
    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อุบาสิกาผู้มีพลังจิตมหัศจรรย์

    “อิทธิปาฏิหาริย์” เป็นเรื่องที่ดูเหนือธรรมชาติ ชวนพิศวงสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในวังวนของกิเลส สำหรับผู้ปฏิบัติทางจิตที่กำลังจะล่วงพ้นบ่วงกิเลส “ปาฏิหาริย์” ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ปฏิบัติสามารถทำได้ทุกคน

    ในอดีตกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปคงจะเคยคุ้นชื่อของอุบาสิกาท่านหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากสำหรับสานุศิษย์และคณะผู้ศรัทธา ท่านคือ “อุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม” ผู้สามารถบรรลุธรรมอันวิเศษสำเร็จ “จตุตถฌาณ 4” และ “อภิญญา 6” อันเป็นอานิสงส์สูงสุดแห่งชีวิต ปรากฏเป็นปาฏิหาริย์จนเลื่องลือในทางตาทิพย์ หูทิพย์ รู้วาระจิตผู้อื่น ล่องหนหายตัว สั่งฟ้า ห้ามฝน และใช้พลังจิตรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้คนทั่วไปจนหาย

    อุบาสิกาบุญเรือน โดยทั่วไปคนที่เคารพท่านมักเรียกท่านว่า “คุณแม่บุญเรือน” เพราะความเมตตากรุณาที่ท่านมีให้กับทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะ อีกทั้ง กระทำตนเป็น “แม่” ของทุกคนที่ไปขอความช่วยเหลือจากท่าน เหมือนอย่างที่แม่คนหนึ่งที่ให้แก่บุตรธิดาของตนนั่นเอง

    คุณแม่บุญเรือนท่านเป็นนักบุญ และเป็นผู้นำในการประกอบการทำบุญต่างๆ ที่เข้มแข็งแกล้วกล้าสามารถทุกอย่าง ทั้งยังเป็นผู้อบรมสั่งสอนและบรรยายธรรมให้บุคคลทั่วไปเข้าใจทราบซึ้งในธรรมได้อย่างดีเลิศ พื้นเพเดิมท่านเป็นชาวคลองสามวา อำเภอมีนบุรี จังหวัดพระนคร บิดา-มารดาชื่อ นายยิ้ม และนางสวน กลิ่นผกา วันที่ท่านได้ลืมตามองดูโลกเป็นครั้งแรกอันเป็นภพปัจจุบันของท่านนั้น ตรงกับวันอาทิตย์ เดือน 4 ปีมะเมีย ขึ้น 15 ค่ำ เวลา 11.20 นาฬิกา หรือนัยหนึ่งก็คือ วันที่ 10 มีนาคม พุทธศักราช 2437 ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างยากจน บิดา-มารดาเป็นชาวสวน ซึ่งต่อมาครอบครัวได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่แถวตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี ท่านก็ได้เจริญเติบโตมาในละแวกนี้จนเติบใหญ่

    ในวัยเด็กท่านได้รับการศึกษาพออ่านออกเขียนได้ ตามอัตภาพของสตรีเพศในสมัยก่อน แต่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการบ้านการเรือนเป็นอย่างดี เมื่ออายุได้ 15 ปี ท่านได้รับตำราหมอนวดและการฝึกอบรมจากอาจารย์กลิ่น หมอนวดที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ ท่านสนใจศึกษาจนแตกฉานจนกลายเป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก โดยท่านไม่เคยคิดค่านวดค่ารักษาแม้ครั้งเดียว แต่จะให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้อาจารย์กลิ่นตลอด

    ด้วยมีนิสัยฝักใฝ่ในทางธรรมมาแต่เด็ก ได้รับการสั่งสอนให้รู้จักธรรมะในพระพุทธองค์จาก “หลวงตาพริ้ง” ซึ่งบวชเป็นพระอยู่ที่วัดบางปะกอก ผู้มีศักดิ์เป็นลุง พระสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนทำให้คุณแม่บุญเรือนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา ฝักใฝ่ในบุญกุศล หมั่นเพียรในทางธรรมตลอดมา

    เมื่อมีอายุในวัยครองเรือน คุณแม่บุญเรือนได้สมรสกับสิบตำรวจโทจ้อย โตงบุญเติม แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ภายหลังจึงรับเด็กหญิงมาอุปการะเป็นบุตรบุญธรรมคนหนึ่ง ขณะเดียวกันคุณแม่บุญเรือน ก็ยังมีโอกาสได้ปฏิบัติและศึกษาธรรมมากขึ้น โดยมีท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) เป็นพระอาจารย์สอนสมถะวิปัสสนากรรมฐานให้

    ท่านเป็นผู้นำในการจัดตั้งคณะผู้ร่วมบุญในนาม “คณะสามัคคีวิสุทธิ” ซึ่งช่วยเหลืองานบุญงานกุศลต่างๆ ตลอดจน รักษาโรคภัยไข้เจ็บนานัปการด้วยอำนาจพระพุทธคุณแก่ทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่ และยึดถือหลักการบริจาคและการให้เป็นหลักสำคัญ ในที่สุดจนกระทั่งปี พ.ศ. 2470 ท่านก็เข้าสู่พระพุทธศาสนาอย่างเต็มตัวโดยการบวชชี โดยได้ลาสามีเพื่อมาบวชชีที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วลาสึกไป และเมื่อสามีถึงแก่กรรมแล้ว จึงมีศรัทธากลับมาบวชชีอีกในปี พ.ศ. 2482

    ด้านอุปนิสัยนั้น ผู้ที่รู้จักคุณแม่บุญเรือนดีตั้งแต่อายุท่านยังน้อยอยู่ คงพอจะทราบได้ดีว่า ท่านเป็นผู้ที่เพียบพร้อมด้วยมารยาท คุณธรรมอันสูงส่ง มีอุปนิสัยเปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาปรานีแก่บุคคลที่รู้จักพบเห็นทุกคน แต่ทว่าท่านเป็นคนที่ค่อนข้าง “ดุเดือด โผงผาง และมีวาจาไม่อ้อมค้อมแบบขวานผ่าซาก” อยู่บ้าง พูดเสียงดัง กังวาล เด็ดขาด และจริงจัง หรือนัยหนึ่งก็คือพูดจริงทำจริงตลอดเวลา

    งานบุญตามคติแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งประกอบด้วยการทำทาน ถือศีล การภาวนา สวดมนต์ ฟังธรรม และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น คุณแม่บุญเรือน รัก ศรัทธา เลื่อมใส ปฏิบัติมาตั้งแต่อายุเริ่มวัยกลางคน ขณะยังครองชีวิตร่วมกับสิบตำรวจโทจ้อย ทีเดียว งานทำทานไม่ว่าจะเป็นทานต่อบุคคลธรรมดาทั่วไป หรือการถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งการถวายอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ได้เพียรบำเพ็ญตลอดมาไม่ขาดสาย ท่านเป็นผู้รักการบำเพ็ญทานการกุศลตั้งแต่อายุน้อย ตลอดมาจนเติบใหญ่ และจนตลอดชีวิตของท่าน

    คุณแม่บุญเรือน เคารพศรัทธาเลื่อมใสในคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างจริงจัง และเคร่งครัดตลอดเวลา ท่านฝึกจิตใจและความรู้สึกให้เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยการเสียสละ ไม่นิยมการสั่งสม โปรดการให้เป็นหัวใจสำคัญ ตัดความรู้สึกด้านโกรธ รัก โลภ และหลง โดยสิ้นเชิง นับได้ว่าเป็นชาวพุทธที่สำคัญยิ่งผู้หนึ่ง ซึ่งยากจะหาผู้อื่นที่บำเพ็ญตนให้เท่าเทียมได้

    การถือศีล คุณแม่บุญเรือนเคร่งครัดในศีล 5 วันธรรมสวนะยึดมั่นในศีล 8 แต่ชีวิตตอนหลังส่วนใหญ่ท่านถือศีล 5 เป็นประจำ การภาวนาอันประกอบด้วยสวดมนต์ ฟังธรรม และทำวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฝึกจิตให้สะอาดปราศจากมลทิน มีสมาธิแน่วแน่ เกิดปัญญาแจ่มแจ้งในธรรมอันวิเศษของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้เพียรบำเพ็ญปฏิบัติโดยสม่ำเสมอจนตลอดชีวิตของท่าน

    ความเพียรในการฝึกจิตและเรียนรู้ทางธรรมของคุณแม่บุญเรือน ปรากฏเรื่องราวอันเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ที่จะสำเร็จได้ก็ด้วยอำนาจสมาธิซึ่งเป็น “พลังจิต” อันมหัศจรรย์ จึงมีเรื่องเล่ามากมายจากคนเก่าแก่ และผู้ประสบเหตุเรื่องราวพิศวง อันเกิดจากอำนาจทิพย์ของอุบาสิกาท่านนี้
     
  19. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    (ต่อ)
    ๏ คุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรม

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับพระรูปหนึ่ง (หลวงตาสุวรรณ) อันมีนัยยะอันสำคัญตอนหนึ่งว่า “ตั้งใจจะขอปฎิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90 วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จธรรมหรือเห็นธรรมแต่ประการใด จึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามี ซึ่งได้ทักมาว่า “กลับมาแล้วหรือ ? เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด...”

    คุณแม่บุญเรือนจึงว่า “เมื่อจะให้อยู่บ้าน ก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล 8 เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?” สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อย ก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดาของคุณแม่บุญเรือน และหลานๆ 2-3 คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 นาฬิกา เดือน 6 ขึ้น 14 ค่ำ ปี พ.ศ. 2470

    จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรน ส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆ รู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า “เออ.....สังขารร่างกายนี้ ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่...”

    ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือน ก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี 2 ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้น บังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณ รู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย !”
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    53,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    170
    ค่าพลัง:
    +33,083
    (ต่อ)

    paragraph___562.jpg
    พระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก)


    ๏ ล่องหนหายตัว

    จากนั้น เมื่อคุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี 5 รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งศาลานี้เป็นที่อยู่ของแม่ชีนักปฏิบัติธรรม คุณแม่เองก็เคยอาศัยบำเพ็ญธรรมที่ศาลานี้

    พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าศาลามาทางไหน และที่บ้านพักตำรวจกับศาลาวัดสัมพันธวงศ์ก็ไกลกันพอสมควร ขณะนั้น ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ที

    การล่องหนหายตัวจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เป็นผลจากการปฏิบัติทางจิตจนได้ “อภิญญา” เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกอุบาสิกาต่างก็มารุมล้อม โจษจันกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจอย่างเหลือที่จะกล่าวได้ไปตามๆ กัน จนความนี้ได้ทราบถึง ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระรัชชมงคลมุนี” เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) พระอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานให้คุณแม่บุญเรือนเอง

    ท่านจึงให้เชิญคุณแม่บุญเรือนไปสอบถาม และขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงปาฏิหาริย์หายตัวเข้ามาอยู่ในศาลาวัดให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อีกครั้ง ซึ่งคุณแม่บุญเรือนก็ตอบรับ ขอทดลองดูอีกครั้งในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน คืนนั้นตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 แม่ชีฟัก เพื่อนปฏิบัติธรรม พักอยู่เป็นประจำที่ศาลานี้ ให้แม่ชีผู้อยู่ศาลาอีก 3 คนดูแลปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อยอย่างแน่นหนา และดูให้รู้เห็นเป็นพยานด้วย คืนนั้นปรากฏว่าที่วัดสัมพันธวงศ์ก็เกิดการโกลาหลอลหม่านคึกคักตื่นเต้นกันน่าดู มีการจัดยามเฝ้าที่ประตูวัดทุกๆ ด้าน ถึงประตูละสองคน และมีการเดินสำรวจรอบศาลาวัดกันให้ขวักไขว่ทั้งคืน ชนิดมดแมงสักตัวเดินผ่านมา ก็ยากจะรอดพ้นสายตาไปได้

    ส่วนที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน คุณแม่บุญเรือนได้เข้าไปเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่หัวค่ำ จนใกล้รุ่ง จึงอธิษฐานให้หายวับจากบ้านพัก เข้าไปปรากฏตัวในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ได้เช่นเดียวกับคราวก่อน แต่คราวนี้ไม่มีลีลาอาการหกคว่ำคะมำหงายเหมือนคราวแรก นั่นคือพออธิษฐานเสร็จแล้วหลับตาลง พอลืมตาปั๊บ ตัวของคุณแม่บุญเรือนก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ในศาลาทันที

    เมื่อคุณแม่บุญเรือนปาฏิหาริย์มานั่งในศาลาเสร็จ สิ่งแรกที่หูได้ผัสสะกับเสียงที่มากระทบก็คือ เสียงอุบาสิกาคุยกันว่า “จะแจ้ง (สว่าง) แล้ว น่ากลัวไม่มาแล้วมั๊ง ?” ส่วนอีกรายก็ว่า “ไม่มาก็ดี...ถ้ามา...ฉันจะต้องไปเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชากับเขาอีก !?”

    เมื่อได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้น คุณแม่บุญเรือนจึงร้องออกไปในทันใดว่า “เอ้า..! ใครอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉัน...เชิญทางนี้...ฉันมาแล้ว !”

    พวกที่คอยอยู่ก็แปลกใจ และแน่ใจว่าหายตัวผ่านเข้ามาได้จริงๆ และมองเห็นผลสำเร็จทางสมาธิที่มีแก่ผู้ปฏิบัติด้วยวิริยอุตสาหะ ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ 1 องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ เป็นพยานแก่ตัวท่านเองว่ามิได้ฝันไป


    ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)

    อภิญญาในด้านหูทิพย์ของคุณแม่บุญเรือนนี้ มีบันทึกของคุณหญิงเงียบ บุนนาค เขียนไว้ว่า ครั้งหนึ่งคุณแม่บุญเรือน ไปรักษาโรคขาบวมให้น้องสาวคุณหญิงเงียบ บุนนาค ข้างวัดอนงคาราม ธนบุรี ตอนขากลับ น้องสาวคุณหญิงเงียบมอบค่ารถให้ 20 บาท คืนวันนั้นสามีของน้องสาวคุณหญิงกลับบ้าน ทราบว่าภรรยาจ่ายเงินค่ารถให้คุณแม่บุญเรือน 20 บาท (สมัยเงินแพง) เขาเอะอะว่า คุณแม่บุญเรือนเป็นหมอไม่จริง หลอกเอาสตางค์

    พอรุ่งเช้า 6 โมงเศษ คุณแม่บุญเรือนไปถึงบ้านน้องสาวคุณหญิง ข้างวัดอนงค์ นำเงิน 20 บาท ไปคืนให้ บอกว่า “เป็นเงินของคุณผู้ชายเขา ดิฉันคืนให้ ดิฉันไม่โกรธคุณหรอก คุณต้องรับเงินนี้ไว้” นี่แสดงว่าคุณแม่บุญเรือนหูทิพย์ ได้ยินคำพูดของสามีน้องสาวคุณหญิงเงียบ พร้อมทั้งรู้วาระจิตของคนพูด ว่าหมายถึงตัวคุณแม่บุญเรือนที่ไปรักษาขาบวม คุณแม่จึงรีบนำเงินไปคืนให้ เพื่อรักษาน้ำใจของน้องสาวคุณหญิงและสามีมิให้ขุ่นข้องหมองใจ

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านเป็นผู้มีจิตอันเป็นกุศลอย่างยิ่ง นอกจากนั้นท่านยังใช้จิตอันมหัศจรรย์ของท่าน ในการอธิษฐานเพื่อช่วยคนในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาโรคภัยต่างๆ จนหายขาด ดังเรื่องราวที่มีผู้บันทึกไว้ในหนังสือ “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อนุสรณ์”


    (มีต่อ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...